จากกรณี นายเจริญกิจ แซ่หลอ อายุ 38 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ และภรรยา นางไหมเซี๊ยะ ถูกคนร้ายขับรถกระบะประกบลงข้างทาง ใช้ปืนยิงที่ขานายเจริญกิจ ได้รับบาดเจ็บ ก่อนลากตัวขึ้นรถกระบะหลบหนีไปเส้นทางสู่ จ.พิษณุโลก ท่ามกลางความตกตะลึงของ นางไหมเซี๊ยะ เหตุเกิดวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา บริเวณลานจอดรถใกล้กับร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 12 พิษณุโลก-หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ล่าสุด ตร.เจอรถกระบะถูกเผาทิ้งที่พิษณุโลก แต่ยังไม่รู้ชะตากรรมของ นายเจริญกิจ

ต่อมา พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เขาค้อ พบว่าทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายน่าจะรู้จักกัน และอาจจะทะเลาะกันเกี่ยวกับธุรกิจมืด โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็เคยถูกจำคุกในคดียาเสพติด และพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว และนอกจากนั้นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับจากศาลจังหวัดลำปางในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดอีกด้วย

เบื้องต้นตำรวจรู้แล้วว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นใคร และออกหมายจับแล้ว 1 ราย คือ นายสมเกียรติ ร่มทองกุล อายุ 34 ปี ชาว อ.ทองภาภูมิ จ.กาญจนบุรี คนร้ายมีทั้งหมด 5 คน โดยตำรวจตั้งในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะและไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

ด้าน พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว 1 คน คือ นายสมเกียรติ จากจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน ตอนแรกให้การภาคเสธ ตำรวจได้ทำการสอบเค้น ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถพบศพ นายเจริญกิจ โดยถูกอุ้มนำศพไปเผาอีกจุดหนึ่ง คนร้ายได้เผา นายเจริญกิจ ห่างจากจุดที่พบรถที่เผาประมาณ 1 กิโลเมตร สภาพถูกเผาจนไหม้เหลือซากชิ้นกระดูกบางส่วน

รอง ผบช.ภ.6 กล่าวด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่นำซากส่งตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ตัวตนอีกครั้ง ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมให้การเป็นประโยชน์อย่างมากจนสามารถพบศพ แต่ยังให้การภาคเสธในส่วนของคดีในการอุ้มฆ่าเผา อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป คาดว่าได้ตัวครบทีมเร็วๆ นี้.