คณะเหยื่อเมาแล้วขับเข้ายื่นหนังสือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.67 นายประศม สุขแสวง ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับพร้อมคณะได้เดินทางมายังกระทรวงมหาดไทย เขตพระนคร กรุงเทพฯเพื่อยื่นหนังสือต่อนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน หรือ ศปถ. โดยมี สหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้แทนรับหนังสือ เพื่อขอให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดนโยบายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องความปลอดภัยเยาวชนจากการเมาแล้วขับ


โดยขอให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.จังหวัด) กรณีที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นเด็กเยาวชนอายต่ำกว่า 20 ปี และตรวจพบมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ขอให้มีการสืบสวนขยายผลไปยังสถานบันเทิง ร้านค้า บุคคล กลุ่มบุคคล ที่มีส่วนส่งเสริม สนับสนุนให้เด็กเยาวชนรายนั้นบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนนำไปสู่การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน นำตัวมาลงโทษตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับสถานบันเทิง ร้านค้า บุคคล กลุ่มบุคคล ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

นายประศม สุขแสวง ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เปิดเผยว่า จากความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตเป็นอย่างยิ่ง ปัจจัยสำคัญเกิดจากพฤติกรรมของคนไทยซึ่งขาดระเบียบวินัย ขาดพื้นฐานการปลูกฝังสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ขณะเดียวกันระบบอุปถัมถ์ ระบบคอรัปชั่นก่อให้เกิดอภิสิทธิ์ชนขึ้นในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี มีสถิติบาดเจ็บเพิ่มสูงขึ้นจนน่าวิตก จากการรวบรวมข้อมูลของเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับพบว่าเด็กเยาวชนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับรถ ทั้งกฎหมายได้กำหนดไว้ ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียกับเยาวชนของชาติที่จะเติบโตขึ้นกำลังสำคัญเป็นอนาคตของประเทศ


อย่างไรก็ตามจากการติดตามสถานการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ปรากฎว่าสถานบันเทิง ร้านค้า บุคคล กลุ่มบุคคลที่มีส่วนสนับสนุนทั้งทางตรง ทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่าย จ่ายแจก ชักชวน เชิญชวนให้เด็กเยาวชนบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนไปสู่การเสียชีวิตจากอุบัติบนท้องถนนถูกดำเนินคดีเลยแม้แต่รายเดียว ทั้งที่กฎหมายมีบทลงโทษกำหนดไว้ ให้กำหนดนโยบายการบังคับใช้กฎหมายปกป้องความปลอดภัยเยาวชนจากการเมาแล้วขับ ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียกับเยาวชนของชาติที่จะเติบโตขึ้นกำลังสำคัญเป็นอนาคตของประเทศ