เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันซักถามข้อมูลจากเยาวชน 2 คนและ 3 อดีตพยาบาล เหยื่อที่ถูกคนร้ายล่อลวงมากักขังไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านสะพานพระราม 8 ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. สืบเนื่องจาก “ชุดลาดตระเวนออนไลน์” บก.สส.บช.น. รับแจ้งเบาะแสจากผู้เสียหายรายหนึ่งผ่านทางเฟซบุ๊ก เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ว่าญาติของตนเป็นผู้หญิงพร้อมบุตรและเพื่อนรวม 5 คน ถูกบังคับทำงานอยู่ในห้องพักภายในคอนโดดังกล่าว โดยผู้ถูกกักขังแอบส่งข้อความมาให้กับชุดลาดตระเวนออนไลน์ โดยส่งรูปภาพสภาพร่างกายถูกโกนผมและมีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวก พร้อมให้ข้อมูลว่ามิจฉาชีพบังคับให้ตบหน้าบุตรชายและบุตรสาวของตนหลายครั้ง ถ้าไม่ทำจะสาดน้ำร้อนใส่เด็กๆ หลังได้รับแจ้ง พล.ต.ต.ธีรเดช สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบถึงสถานที่ที่ถูกกักขัง จึงขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายค้นห้องพัก ตามหมายค้น พร้อมรายงานให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับทราบและสั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ เข้าร่วมสืบสวนพร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พล.ต.ต.ธีรเดช พล.ต.ต.จักรภพ สุคนธราช ผบก.น.7 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธนากร จอมเกาะ สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.อภิชัย ชัชวาลปรีชา ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. เข้าตรวจสอบห้องพัก เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พบเหยื่อทั้ง 5 คน อยู่ด้วยกันภายในห้องอย่างแออัดและตรวจสอบสภาพร่างกายเบื้องต้นพบว่าเหยื่อบางรายมีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกและบาดแผลถูกทำร้ายตามร่างกาย
พล.ต.ท.ธิติ สอบถามเหยื่อ 3 ราย เป็นแม่ลูกกันมีอาการหวาดกลัวเสมือนคนเกิดภาวะผิดปกติทางจิตและให้ข้อมูลว่าถูกบังคับให้ทำงานหาเงินใช้หนี้ให้กับ “นายทุน” อ้างเป็นนายแพทย์หญิงลูกครึ่งเกาหลี ญี่ปุ่น ทำงานสถานทูต โดยมีลูกน้อง 1 คน เป็นคนคอยมาควบคุม จากสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของเหยื่อมีความผิดปกติ ประกอบกับเรื่องราวที่สลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นภายในคอนโดดังกล่าว จากการซักถามปากคำโดยละเอียดเหยื่อทีละคนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและสืบสวนขยายผลทำให้ทราบข้อเท็จจริงที่ “สุดพิสดาร” โดยเหยื่อ 3 รายเป็นอดีตพยาบาลในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ลาออกและมาทำธุรกิจร่วมกับนายทุนผู้คลั่งลัทธิ โดยนายทุนจะใช้อุบายหลอกลวงทั้ง 3 แรกเริ่มจะทำทีร่วมธุรกิจด้วยกันแต่จะให้รวบรวมเงินไว้ที่นายทุนเมื่อธุรกิจเริ่มขับเคลื่อน นายทุนจะใช้ทุนดำเนินการต่างๆ
โดยเหยื่อทั้ง 3 ไม่ทราบแต่อย่างใดและจะใช้ “ความกลัว” เข้ากดขี่ เช่น หลอกว่างานไม่สำเร็จมีค่าปรับ, ลูกค้าเรียกเงินคืน, ฝากบุตรเข้าโรงเรียนดัง ฯลฯ จากนั้นนายทุนจะอุปโลกน์ “หนี้” ยัดเยียดให้กับทั้ง 3 และใช้การหลอกว่ารู้จักกับตำรวจจะดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ทำให้เกิดความกลัวและยอมตกเป็นเบี้ยล่างทำงานใช้หนี้ทิพย์นี้เรื่อยมากว่า 3 ปี โดยล่าสุดทั้ง 3 เข้าใจว่าตกเป็นหนี้นายทุนจำนวน 140 ล้านบาท ทั้งที่แท้จริงทั้ง 3 ถูกนายทุนหลอกลวงทรัพย์สินไปรวมความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5,000,000 บาท จึงนำตัวเหยื่อและเด็กเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ และอยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป