‘ศักดิ์สยาม’รมว.คมนาคม เป็นประธานเปิดบริการรถเมล์อีวี สาย 8 ด้าน ‘ไทยสมายล์บัส’ ตรึงค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาย ยาว 3 ด. สำหรับผู้ใช้บัตรคนจน

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่อู่รถโดยสารสาย 8 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดให้บริการโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ว่า​ เป้าหมายของการเปิดให้บริการ​ คือการบรรจุรถขนส่งสาธารณะ​ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (อีวี)​ 1,250 คัน​ ภายในเดือนธันวาคม​นี้​ ส่วนอัตราค่าโดยสาร​ จะเท่ากับอดีต 15-25 บาท ตามระยะทาง​ และจะมีการจำหน่ายบัตรโดยสารหรืออี-ทิกเก็ต หากเดินทางในวันนั้น​ ครบ​ 40 บาท เฉพาะรถในกลุ่มบริษัท ไทย​ สมายล์​ บัส​ ไม่ต้องจ่าย​เพิ่ม​ ​และยังสามารถใช้บัตรสวัสดิการ​แห่งรัฐได้​ด้วย ซึ่งในส่วนของผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐทางบริษัทได้พิจารณาจัดเก็บค่าโดยสารที่ราคา 10 บาทตลอดสาย เป็นเวลา 3 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อเป็นการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงนี้อีกด้วย

“ขณะที่ อนาคตผู้ประกอบการจะใช้เอไอช่วยบริหารจัดการการเดินรถ​ อาทิ เรื่องเวลา​ หรือแม้แต่จำนวนที่นั่งว่างว่าเหลือเท่าใด​ เพื่อดูความต้องการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา​ และการบริหารจัดการการเดินรถ ส่วนการให้บริการของรถเมล์สาย 8 เดิม นั้น ยืนยันว่าปัจจุบัน​ยังมีรถเมล์สาย​ 8 เดิม ที่ยังให้บริการอยู่ ซึ่งจะหมดสัญญา​สัมปทานในปี​ 2566” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเอกชนยังเสนอขอเชื่อมต่อระบบอื่นๆ​ อาทิ​ รถไฟทางไกล​ เรือ​ รถไฟฟ้า​ โดยกระทรวงคมนาคม​ มีแผน​ว่าภายใน 3 ปี จะเปลี่ยนจากรถร้อนมาเป็นรถปรับอากาศที่ใช้พลังงานไฟฟ้า​ มีการออกแบบเพื่อผู้พิการ​ บัตรโดยสารระบบอิเล็กทรอนิกส์​

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประเมินผล​ 60 วันว่าจะสามารถตอบ​โจทย์​ความต้องการประชาชนได้หรือไม่พร้อมสั่งการให้ประชาสัมพันธ์​ให้ประชาชนรับทราบเรื่องเส้นทางและการเปลี่ยนหมายเลขรถเมล์​ และเตรียมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ​เป็นประธานเปิดเมื่อครบ​ 237 เส้นทางอีกครั้ง

ด้าน น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า รถโดยสารพลังงานไฟฟ้าในระยะที่ 1 มีทั้งสิ้น 153 คัน และจะทยอยนำมาใช้ล็อตแรก 40 คัน โดยเริ่มวิ่งในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ และจะนำออกมาวิ่งครบทั้งหมดภายในเดือนสิงหาคมนี้ ต่อไป นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ติดตั้งตู้ชาร์จแบบฟาสต์ชาร์จกำลังไฟ 310 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที วิ่งได้ 4 รอบ 280 กิโลเมตร (กม.)ต่อวัน ซึ่งมีกระจายตามอู่ต่างๆ ทั้ง 8 อู่ อู่ละ 20 หัวชาร์จ ครอบคลุม 71 เส้นทาง ที่บริษัทได้รับสัมปทาน มีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565 นี้

ทั้งนี้ รถทุกคันยังได้ติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสารแบบอี-ทิกเก็ต ซึ่งจะเริ่มใช้ 100% ได้เดือนกันยายนนี้ ควบคู่กับการใช้เงินสด โดยเป็นการเติมเงินไม่จำกัดขั้นต่ำ ผ่านระบบที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อเตรียมพร้อมเชื่อมต่อการเดินทาง แบบระบบเครือข่าย รถ เรือ และราง ครบวงจร ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมพนักงานขับรถ ซึ่งเรียกว่ากัปตันเมล์ และพนักงานต้อนรับบนรถโดยสาร ที่เรียกว่าบัสโฮสเตสให้มีความรู้ ความชำนาญในเส้นทาง คำนึงถึงความปลอดภัย ด้วยสโลแกน เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และยังเก็บค่าโดยสารตามเดิม คือ 15, 20 และ 25 บาท นอกจากนี้ ทางบริษัทได้รับพนักงานจากสาย 8 เดิม มาทำงานด้วยประมาณ 15% ที่ผ่านการอบรม เพราะบางส่วนยังทำงานกับรถเมล์ร้อนที่ยังให้บริการอยู่