“ตร.กองปราบ” ร่วมกับ “ตม.” รวบอดีตเจ้าหน้าที่กงสุลไทยปลอมวีซ่าให้ น.ศ.จีนคาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังกลุ่มนักศึกษาทำเรื่องขอวีซ่าประเภทอยู่ชั่วคราว แต่ผู้ต้องหาออกวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวให้แทน
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ร่วมกับ พล.ต.ต.มนตรี แป้นเจริญ ผบก.ตม.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จับกุมนายตี๋ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.93/2565 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ปลอมเอกสารราชการ และปลอมแผ่นปะลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นลูกจ้างชั่วคราวในต่างประเทศ ตำแหน่งเสมียนประจำสถานเอกอัครราชทูต กรุงปักกิ่ง สาธารณะรัฐประชาชนจีน ต่อมาช่วงเกิดเหตุประมาณเดือนมิ.ย.- ก.ย.56 ผู้ต้องหาทำหน้าที่ดำเนินการพิมพ์แผ่นปะตรวจลงตราวีซ่าของนักศึกษาสัญชาติจีนที่จะเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย 9 คน โดยกลุ่มนักศึกษาทำเรื่องขอวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว แต่ผู้ต้องหาออกวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวให้แทน และส่งมอบให้กับนักศึกษา ต่อมากลุ่มนักศึกษาเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อเข้ารับการศึกษา ผ่านมาระยะหนึ่ง นักศึกษาจีนกลุ่มดังกล่าวทำเรื่องขออยู่ชั่วคราวเพื่อศึกษาต่อแต่ไม่สามารถทำเรื่องได้ ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยจึงสอบถามไปยังสถานเอกอัครทูต ณ กรุงปักกิ่ง ให้ตรวจสอบหนังสือเดินทางและเอกสารตรวจลงตราของกลุ่มนักศึกษาดังกล่าว พบว่าแผ่นปะตรวจลงตราวีซ่าที่ผู้ต้องหาออกให้กับนักศึกษากลุ่มนี้ เป็นการนำแผ่นปะตรวจลงตราจริงไปออกผิดประเภท โดยจากการตรวจสอบข้อมูลในระบบพบว่าวีซ่านักศึกษาสัญชาติจีนทั้ง 9 คน เป็นการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแทนที่จะเป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราว
จากการกระทำของผู้ต้องหา ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาอาจจะได้ส่วนต่างของค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทอยู่ชั่วคราว เนื่องจากการตรวจลงตราประเภทนี้ มีอัตราค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าประเภทนักท่องเที่ยว จึงถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กระทรวงการต่างประเทศจึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงดังกล่าว และเรียกผู้ต้องหามาซักถาม โดยผู้ต้องหาให้การยอมรับกับคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงว่าเป็นผู้รับเรื่อง และเป็นผู้ที่ดำเนินการตรวจลงตราให้กับนักศึกษาสัญชาติจีนจริง กระทรวงการต่างประเทศจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงเฝ้าสังเกตการณ์เพื่อจับกุมผู้ต้องหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบชายไทยมีตำหนิรูปพรรณตรงกับผู้ต้องหาจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเข้าจับกุม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา