ภูเก็ต-นายหัวรับถมดิน เจ้าของสวนทุเรียนชุมพร จ่อยิงเพื่อนรักสมัยเรียน คมกระสุน .38 ถากใบหน้าบาดเจ็บ แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับตัวเองดับคาบ้านพัก ตร.คาดปมขัดแย้งเรื่องความรัก หลังฝ่ายหญิงขอหยุดความสัมพันธ์
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2566 พ.ต.ต.อรรถพล สายทองแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ภายในบ้านหลังหนึ่ง ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต, ชุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต, ชุดสืบสวนภาค 8, ชุดสืบสวน สภ.วิชิต, เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต, แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น บริเวณชั้นล่างใกล้โต๊ะอาหารด้านหลังห้องรับแขก พบหญิงสาวเลือดอาบใบหน้านั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทราบชื่อคือ น.ส.มณี (นามสมมติ) อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุนถากบริเวณใบหน้าและจมูก ยังมีสติและสามารถพูดคุยรู้เรื่อง จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
ใกล้กันบนพื้นพบร่าง นายจักษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ชาวจ.ชุมพร สภาพถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวากระสุนทะลุ 1 นัดเสียชีวิต สภาพศพนอนหงายเลือดไหลนองพื้น สวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีเขียว นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 นาที
นอกจากนี้ บนเก้าอี้เบาะผ้าสีแดงติดกับโต๊ะกินข้าว พบอาวุธปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก มีเครื่องกระสุนปืนขนาด 359 จำนวน 6 นัด ถูกยิงไปแล้ว 3 นัด และยังพบหัวกระสุนปืนฝังอยู่ในเบาะโซฟา 1 หัว และทะลุบานกระจกหน้าต่างอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานต่าง ๆ โดยบนโต๊ะอาหารมีกับข้าว เบียร์ 2 กระป๋อง และสปายไวน์คูลเลอร์ 1 ขวดวางอยู่ จากนั้น ได้มอบศพให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.มณี กับนายจักษ์เคยรู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน จากนั้นต่างฝ่ายก็มีครอบครัว แต่เมื่อทั้งคู่โสดก็มาคบหาเป็นแฟนกันไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง โดยวันเกิดเหตุนายประจักษ์ได้เดินทางมาจากจ.ชุมพรเพื่อมาธุระ แล้วได้มาพักที่บ้านที่เกิดเหตุ โดยได้ซื้อเครื่องดื่มมาดื่มกับน.ส.มณี และได้ทำกับข้าวกินกัน
ระหว่างที่นั่งดื่มกินกันอยู่ น.ส.มณี ได้บอกกับนายจักษ์ว่าให้กลับไปคบหาเป็นเพื่อนกันแบบเดิม ถ้าจะมาที่บ้านให้บอกล่วงหน้าก่อน แต่นายประจักษ์บอกว่า หากเลิกกันก็อย่าอยู่ทั้ง 2 คนแล้วนายประจักษ์ได้ไปเอาอาวุธปืนมาจากในรถ ระหว่างคุยกันนายประจักษ์ได้ใช้มือกดหน้าน.ส.มณีติดกับกระจกหน้าต่างแล้วใช้มือขวาจับอาวุธปืนยิงที่ขาน.ส.มณีแต่ไม่ถูก ทำให้หัวกระสุนไปฝังในเบาะโซฟาดังกล่าว 1 นัด
และยิงใส่ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ 1 นัด จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าขมับข้างขวาของตนเองล้มลงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมาน.ส.มณีได้เรียกให้ลูกสาวซึ่งอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านที่เกิดเหตุให้ลงมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น