รองผบ.ตร.เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายส่งคนไทยข้ามแดนไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันที่ 28 ก.ค.65 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 พร้อมกำลังร่วมกันสืบสวนและปฏิบัติการทลายเครือข่ายส่งคนไทยข้ามแดนไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยปฏิบัติการเชิงรุก ให้เจ้าพนักงานตำรวจอำพรางตัวเป็นสายลับสมัครทำงานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรู้วิธีกระทำความผิด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอันดับหนึ่ง เพราะปัจจุบันเป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไทยมากที่สุด จึงได้สั่งการให้พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.สส.บช.ภ.2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สืบสวน ภ.จว.ระยอง พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2 นำทีมตำรวจ ศปอส.ตร.ชุดที่ 5 ร่วมกับ กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หรือ “บูรพา491” เปิดปฏิบัติการตัดวงจรขบวนการส่งคนไทยข้ามแดนไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้แผนให้สายลับอำพรางติดต่อเข้าสมัครไปเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์
จากนั้นเฝ้าติดตามพฤติกรรมที่ขบวนการดังกล่าวมารับตัวสายลับพาไปข้ามแดนอย่างผิดกฏหมาย โดย กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 หรือ “บูรพา491” ได้ขับรถไล่ติดตามรถคนร้ายและได้ใช้ยุทธวิธี “คาร์บล็อก” หยุดรถคนร้ายขณะกำลังนำพาตัวสายลับไปยังช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นพบ นายอรรถชัย อายุ 30 ปี ที่อยู่ 199 ม.1 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ อีซูสุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ 7208 สระแก้ว จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร” บริเวณถนน สุวรรณศร มุ่งหน้าไปทางชายแดนไทย-กัมพูชา ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ยึดรถที่ใช้ในการกระทำความผิดไว้เป็นของกลางในคดี
จากการตรวจสอบประวัติพบ นายอรรถชัย เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง วันที่ 15 ก.ค.51 “มียาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครอง” สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว,วันที่ 14 เม.ย.54 “ขับขี่รถยนต์สาธารณะ หรือจยย.สาธารณะ แล้วเสพ เมาสุรา ของมึนเมา หรือ ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ” สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว,วันที่17 พ.ค.65 ข้อหา “ร่วมกันมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ หรือกระทำการอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือกลั่นแกล้งเพื่อแพร่เชื้อโรค ณ ที่ ใดๆทั่วราชอาญาจักร,ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในรา” สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว และวันที่ 10 มิ.ย. 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา “นำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” สภ.คลองน้ำใส จ.สระแก้ว
เบื้องต้นสอบสวนนายอรรถชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า “วันนี้ตนได้รับการประสานจากผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา ให้มารับคนไทยพาข้ามไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นลำคลองเล็กๆเรียกว่า คลองบ้านตาโจ๊ย ใกล้กับวัดป่าหนองเอี่ยน โดยจะมีเรือพายพาข้ามแดนไปและจะมีคนจากกัมพูชามารับช่วงต่อ รับประสานส่งคนไปแบบนี้หลายแก๊งแล้ว เฉลี่ยเดือนละ 15-20 คน ได้ค่าจ้าง 6,000 บาท ต่อคน ล่าสุดพึ่งถูกจับกุมและอยู่ในระหว่างการประกันตัวสู้คดี แต่กลับมาทำอีกเพราะทำจนชินไม่รู้จะไปทำงานอะไร”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการขยายผลพบพยานหลักฐานความเชื่อมโยงจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ออกหมายจับ น.ส.รุ่งฤดี อายุ 38 ปี ที่อยู่ 33 ม.11 ต.กาบิน อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี และนายพงษ์ธนา อายุ 36 ปี ที่อยู่ 114 ม.2 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” ซึ่งจะได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันสร้างความเดือดให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจังและยั่งยืน จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้มีสติคิดก่อนจะโอนเงินให้ใคร หากสงสัยเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th