“กรมทางหลวง” อัพเดทผลงานกว่า 78% สร้างทางคู่ขนานรอบนอกกรุงเทพฯ (ด้านตะวันตก) 35.57 กม. วงเงิน 7,376.59 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จ ม.ค.66 แก้รถติดในพื้นที่ รองรับการเดินทางเชื่อมต่อโครงข่ายมอเตอร์เวย์ในอนาคต สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3901 และ 3902  สายทางคู่ขนานวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) ระหว่าง กม.59+988-กม.86+559 ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ระยะทาง 35.57 กม. งบประมาณ 7,376.59 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้า 78% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ม.ค.66

โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางบัวทองไปสิ้นสุดที่ทางแยกต่างระดับบางปะอิน แบ่งการก่อสร้างเป็น 8 ตอน ฝั่งซ้าย 4 ตอน และฝั่งขวา 4 ตอน ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 1 ตอน ได้แก่ ตอน 1 ด้านขวาทาง บริเวณ กม.62-กม.73 ลักษณะโครงการก่อสร้างเป็นงานก่อสร้างทางคู่ขนาน เป็นการก่อสร้างขยายช่องจราจร จากเดิม 2 ช่องจราจร มาตรฐานทางชั้นพิเศษ ขนาด 3 ช่องจราจร ผิวจราจรแบบคอนกรีต กว้างช่องจราจรละ 3.5 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 1.5-2.5 เมตร ด้านในกว้าง 1.5 เมตร กั้นขอบทางด้านในด้วยคอนกรีตแบริเออร์ กว้าง 0.45 เมตร ผิวทางแบบคอนกรีต งานก่อสร้างสะพานใหม่ จำนวน 7 แห่ง และขยายความกว้างสะพานเดิม จำนวน 1 แห่ง พร้อมทั้งออกแบบระบบระบายน้ำและการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ทล. ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการคมนาคมขนส่งที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน และรองรับการพัฒนาเครือข่ายการขนส่งและระบบบริหารขนส่งสินค้าและบริการ จึงได้มีการออกแบบก่อสร้างทางคู่ขนาน 3 ช่องจราจร เพื่อให้สามารถรองรับกับปริมาณจราจรในอนาคต ซึ่งได้ทำการออกแบบให้สอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศและเขตทางหลวงที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริการทาง และพัฒนาส่งเสริมโครงข่ายถนนด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ลดปัญหาการจราจรในพื้นที่

เชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 หรือ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา และ มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 หรือ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี ต่อลงภาคใต้ และโครงข่ายอื่นๆ ในอนาคต เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งของประเทศที่ปัจจุบันมีปริมาณจราจรสูง โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทและแผนดำเนินการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ของ ทล.

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จทำให้เกิดวามสะดวกรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการเดินทาง ทำให้โครงข่ายทางหลวง และมอเตอร์เวย์ของประเทศมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุบนถนน  ช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ลดการสิ้นเปลืองพลังงานจากการจราจรติดขัดที่ทำให้ต้นทุนการขนส่งของประเทศลดลง เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของจังหวัดใกล้เคียง ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น พัฒนาและปรับปรุงทัศนียภาพสองข้างทางให้ดูเรียบร้อยสวยงาม เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคให้ดีขึ้นตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม