คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการ “โคแแสนล้าน”แล้ว นำร่องบางจังหวัด ใช้งบธ.ก.ส. 5,000 ล้านเพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กู้ยืม 100,000 ครอบครัว

เมื่อวันที่ 18 เมษายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมช.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเสนอ เรื่องโครงการโคแสนล้านนำร่อง ให้ใช้นำทดลองในบางจัดหวัดก่อนและรายงานผลให้ ครม. ทราบก่อนขยายตัวไปยังจังหวัดอื่น ๆ โดยกำหนดเงื่อนไขในการทำโครงการที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นผู้ให้กู้กับสมาชิกกองทุนโดยตรงและให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ เป็นผู้ซื้อแม่โคจากตลาดหรือฟาร์มในพื้นที่ไม่ใช่รัฐซื้อแจก ตรงส่วนนี้ได้มีข้อเสนอของทางรัฐมนตรีบางท่านเข้ามา โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการฯ ได้รับทราบและจะรวบรวมข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการ “โคแสนล้าน”นำร่อง ตามที่ตน ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเป็นผู้เสนอ ซึ่งตนต้องขอขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่เห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อให้มีรายได้เสริม และเพียงพอต่อการใช้หนี้ เพราะต้องยอมรับว่า สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กว่า 13 ล้านคน ส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้ ดังนั้น การที่ ครม.เห็นชอบโครงการโคแสนล้านแล้ว ก็สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยต่อปัญหาของพี่น้องประชาชน และกำลังทำตามแนวนโยบายที่หาเสียงไว้ให้กับประชาชนด้วย

สำหรับ โครงการโคแสนล้าน นำร่อง ครม.ได้เห็นชอบกรอบวงเงินสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. 5,000 ล้านบาท เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กู้ยืม 100,000 ครอบครัว ครอบครัวละ 50,000 บาท เพื่อนำไปซื้อโค จำนวน 2 ตัว โดย 2 ปีแรก ปลอดดอกเบี้ย เพราะรัฐจะช่วยชดเชยให้ในอัตราคงที่ร้อยละ 4.50 ต่อปี รวมเป็นเงิน 450 ล้านบาท ส่วนปีที่ 3 ปลอดชำระเงินต้น แต่ให้เริ่มชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี ส่วนปีที่ 4 ให้ชำระต้นเงินร้อยละ 50 ของวงเงินที่กู้ยืม พร้อมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี และปีที่ 5 ชำระต้นเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี

“โครงการโคแสนล้าน ถือเป็นการสร้างอาชีพเสริมให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้เวลาว่างจากงานหลัก มาดูแลโคได้ โดยโค มีวิธีการเลี้ยงที่ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่มาก ซึ่งมีตัวอย่างชาวสุโขทัย เริ่มเลี้ยงโค 2 ตัว เป็นอาชีพเสริม ผ่านมา 4 ปี มีโคแล้ว จำนวน 10 ตัว หากคำนวนตามมูลค่า ตัวละ 25,000 บาท ก็จะมีมูลค่าถึง 250,000 บาท โดยจะเห็นได้ว่า เพียงพอต่อการใช้หนี้กองทุนหมู่บ้านฯ รวมถึงสามารถใช้หนี้สินส่วนตัวได้ด้วย ส่วนข้อกังวัลคุณภาพโคนั้น ผมขอเน้นย้ำว่า ประชาชน จะเป็นผู้ถือเงินไปเลือกซื้อโคคุณภาพด้วยตัวเอง จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่า ผู้เข้าร่วมโครงการ จะได้โคคุณภาพไปขยายพันธุ์สร้างรายได้อย่างแน่นอน” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว