ตาก-จนท.ช่วยสาวไทยวัย 16 ถูกหลอกค้ากามในพม่า อ้างจ้างเป็นพีอาร์-เอารายได้สูงล่อ ด้านเหยื่อสาวเผยหลงเชื่อคำเชิญชวนในสื่อออนไลน์ ก่อนถูกลวงมาบังคับขายบริการ ยอมรับ “เหมือนตายแล้วเกิดใหม่” สุดดีใจได้กลับบ้าน ขณะที่ทางตำรวจฝากเตือน “ผู้ปกครอง-หญิงสาว” อย่าหลงเชื่อกลลวงมิจฉาชีพ
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 6 ก.ย.65 พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด และ พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผบ.ฉก.ร.14 อ.แม่สอด จ.ตาก ประสานความร่วมมือหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อำเภอแม่สอด หลังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หลังเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.อนัสรา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อตามหา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี บุตรสาว ที่หายตัวออกจากบ้านพักใน จ.บุรีรัมย์ นานกว่า 1 เดือน ซึ่งบุตรสาวแจ้งว่าจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย คาดว่าบุตรสาวอาจจะถูกล่อลวงไปที่แนวชายแดนอำเภอแม่สอด หลังบุตรสาวส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือมาขอความช่วยเหลือกับมารดา จนมีการแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพื่อช่วยตามหาตัวบุตรสาวอย่างเร่งด่วน
ต่อมา ตำรวจ สภ.แม่สอด พร้อมทหาร ฉก.ร.14 สามารถสืบทราบพิกัดที่ น.ส.เอ ถูกกักตัวไว้ โดยพื้นที่ดังกล่าวเปิดเป็นสถานบริการแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองเมียวดีใกล้กับบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ในประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนอำเภอแม่สอด เจ้าหน้าที่จึงประสานความร่วมมือระดับท้องถิ่นผ่านช่องทางระหว่างชายแดนไทย-เมียนมา จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายเมียนมาสามารถเข้าไปตรวจสอบ และพบตัว น.ส.เอ จากนั้นเจ้าหน้าที่เมียนมาได้นำตัวมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ที่รอรับอยู่ในพื้นที่ท่าข้ามชายแดนอำเภอแม่สอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ น.ส.เอ ได้รับความช่วยเหลือกลับมาประเทศไทยได้สำเร็จ เจ้าตัวถึงกับดีใจสุดชีวิต จากนั้นผู้กำกับการ สภ.แม่สอด พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัว น.ส.เอ ไปตรวจ ATK เพื่อหาเชื้อโควิด ซึ่งผลตรวจออกมาเป็นลบ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงมอบอาหาร น้ำดื่ม และเสื้อผ้า เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นก่อนประสานส่งตัวกลับภูมิลำเนา
จากการสอบถาม น.ส.เอ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนอ่านข้อความเชิญชวนในสื่อออนไลน์ว่า ต้องการรับสมัครพนักงานพีอาร์สาว ไม่จำกัดวุฒิการศึกษาเป็นงานรายได้สูง เดือนละ 50,000-100,000 บาท ซึ่งขณะนั้นตนอยากช่วยครอบครัวหารายได้ จึงหลงเชื่อข้อความเชิญชวนดังกล่าว จึงมาสมัครงานด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยนายหน้าได้ออกค่าเดินทางให้ทั้งหมด จนมีการนัดเจอกันในสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นจึงเดินทางออกจาก จ.บุรีรัมย์ มาที่ปลายทางชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก และลักลอบข้ามแนวชายแดนในพื้นที่ท่าข้ามซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งตนไม่ทราบจุดที่แน่นอน จนไปขึ้นฝั่งที่ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา
“ตนถูกนำตัวไปที่สถานบันเทิงไม่ทราบชื่อ โดยถูกบังคับให้บริการลูกค้าผู้ชายจำนวนมาก โดยที่ตนไม่เต็มใจและไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ตนคิดว่าจะต้องตายในฝั่งเมียนมาอย่างแน่นอน และช่วงก่อนสิ้นเดือนที่ผ่านมา นายหน้าได้อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้เพียงไม่กี่นาที ตนจึงรีบฉวยโอกาสเพียงครั้งเดียวรีบส่งข้อความไปหาแม่ เพื่อขอความช่วยเหลือ จนเวลาผ่านไปไม่กี่วัน ตนก็ได้รับการช่วยเหลือนำตัวกลับมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งตนเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่คิดที่จะหวนกลับไปในต่างประเทศอีกต่อไป เพราะถูกหลอกไปขายบริการ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ช่วยชีวิตตนให้รอดพ้นจากนรกบนดินในครั้งนี้” น.ส.เอ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด กล่าวว่า การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมระหว่างท้องถิ่นชายแดนไทย-เมียนมา จนสามารถช่วยเหลือหญิงสาวรายนี้ที่ถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศได้ โดยกลุ่มนายหน้าได้ใช้เงินค่าจ้างมูลค่าสูงเป็นตัวล่อเหยื่อให้หลงกล ซึ่งเป็นกลวิธีรูปแบบเดิมผ่านเพจผีในโลกสังคมออนไลน์ ซึ่งหญิงสาวรายนี้โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ ซึ่งทางตำรวจ สภ.แม่สอด ได้เข้าไปช่วยเหลือ ปรับสภาพจิตใจจนหญิงสาวยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญทั้งหมดให้ตำรวจ ซึ่งขณะนี้ตำรวจ สภ.แม่สอด ได้ประสานไปที่แม่ของหญิงสาวแล้ว เพื่อให้ผู้ปกครองเดินทางมารับตัวบุตรสาวที่ สภ.แม่สอด และตำรวจ สภ.แม่สอด
“ขอย้ำเตือนให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน โดยเฉพาะบุตรสาวให้หมั่นสอดส่องดูแลและตักเตือนให้บุตรหลานของท่าน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพว่า สามารถพาไปทำงานแบบสบายในต่างแดน และจะได้รับเงินเดือนสูงๆ เพราะสุดท้ายอาจจะถูกหลอกไปขายบริการเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ตำรวจจึงขอฝากเตือนทุกคนโปรดอย่าได้หลงเชื่อกลลวง กลุ่มคนร้ายในลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด” ผกก.สภ.แม่สอด กล่าวย้ำเตือน