สงขลา- สามีต้องโทษคดียาเสพติดต้องใส่กำไลอีเอ็มอยู่บ้าน และภรรยากำลังขอแยกทาง ทะเลาะกันรุนแรง สามีเพิ่งไปรับลูกสาว 2 คนจากโรงเรียน ล็อกประตู่รั้วบ้าน ใช้ปืนจ่อยิงลูกสาว ยิงภรรยา และยิงตัวเอง ผลภรรยา ลูกสาวคนเล็ก สามี เสียชีวิต เหลือลูกสาวคนโตรอดคนเดียว
ร.ต.อ.สมปอง แก้วศิริ ได้แจ้งเวลา 17.09 น. วันที่ 22 พ.ย.66 เกิดเหตุสามีทะเลาะกับภรรยา ใช้อาวุธปืนยิงภรรยาและลูกสาวอายุ 9 ขวบ กับ 11 ขวบ และยิงตัวตายตาม เสียชีวิต 3 ศพ ที่บ้านในหมู่ 12 บ้านเขารักเกียรติ ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตั้งอยู่ริมถนนสายหาดใหญ่-รัฐภูมิ สายเก่า เยื้องกับร้านเซเว่นฯ
หลังจากรับแจ้งเหตุ ได้รายงาน พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ สุวรรณนพมาศ ผกก.สภ.รัตภูมิ พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน ทั้ง พ.ต.ท.ณัฏฐ์วิณัท วิภาศินนท์ รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.ภาสกร กิจไพบูลย์ทวี รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.วิโรจน์ สะเหรียม รอง ผกก.สอบสวน, ร.ต.อ.สมปอง แก้วศิริ รอง สว.(สอบสวน) เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 และกู้ภัยรัตภูมิลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
พบบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ มีรั้วล้อมรอบ ที่บริเวณหน้าบ้านมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตคาดที่ 2 ศพ คือ น.ส.พรรณี สะการัญ อายุ 40 ปี หรือ ดาว เป็นผู้ช่วยทันตแพทย์โรงพยาบาลรัตภูมิ นอนหงายเสียชีวิตอยู่ตรงเสาข้างประตูบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. เข้าที่ศีรษะ 1 นัด ในมือขวายังสะพายกระเป๋าอยู่ อีกรายคือ ด.ญ.ณฐพร สะการัญ หรือ น้องโมน่า อายุ 9 ขวบ ลูกสาวคนเล็ก ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. เข้าที่ศีรษะ 1 นัด เสียชีวิตในลักษณะหมอบราบอยู่ตรงเสาระเบียงหน้าบ้าน คล้ายกับพยายามร้องขอชีวิตก่อนถูกยิง และยังมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ญาติช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลรัตภูมิไปก่อนแล้ว คือ นายประทีป สะการัญ หรือ ต๊อก อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นคนก่อเหตุ และเป็นหัวหน้าครอบครัว ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. เข้าที่ศีรษะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อีกคนคือ ด.ญ.ณภิญา สะการัญ อายุ 11 ขวบ หรือ น้องนาดา ลูกสาวคนโต ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. เข้าที่ศีรษะ 1 นัด อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน และถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหาดใหญ่
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่หน้าบ้าน 1 กระบอก ซึ่งในแม็กกาซีนถูกยิงออกไปแล้ว 4 นัด เหลือค้างอยู่อีก 4 นัด และพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 3 ปลอก พร้อมหัวกระสุน
จากการสอบสวนทราบว่า นายประทีป สามีได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกสาวทั้งสองคนกลับจากโรงเรียน โดยน้องโมน่า คนน้องเรียนอยู่ชั้น ป.4 ส่วนน้องนาดา คนพี่เรียนอยู่ชั้น ป.6 และเวลาไล่เลี่ยกัน น.ส.พรรณี ภรรยา ได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจากที่ทำงานที่โรงพยาบาลรัตภูมิ และกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่ได้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน นายประทีบจึงใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จ่อยิงภรรยาจนล้มลง และยังจ่อยิงลูกสาวทั้งสองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านในชุดนักเรียน แล้วใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวตายตาม
หลังจากเสียงปืนที่ดังขึ้นต่อเนื่องกันถึง 4 นัด ทำให้ นายปราโมทย์ ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยา และมีบ้านอยู่ใกล้กันวิ่งมาดู พบว่าประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านถูกล็อกกุญแจเอาไว้ และตรงหน้าบ้านเห็นทั้ง 4 คน นอนจมกองเลือดเรียงรายกันอยู่ จึงได้ข้ามกำแพงเข้าไปดู พบว่าแม่และลูกสาวคนเล็กเสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่อและลูกสาวคนโตยังมีลมหายใจ จึงได้เรียกให้ญาติพาทั้งสองคนไปส่งโรงพยาบาล แต่พ่อเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหลือเพียงลูกสาวคนโตที่อาการสาหัส
หลังเกิดเหตุตำรวจได้สอบถามญาติและเพื่อนบ้านในละแวกเกิดเหตุ ทราบว่าก่อนหน้านี้ นายประทีป เคยถูกจับกุมในคดีจำหน่ายยาเสพติด คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา และต้องใส่กำไลอีเอ็มที่ข้อเท้า และพักหลังทางภรรยาต้องการขอแยกทาง แต่ฝ่ายสามีไม่ยอมเลิก ทำให้ทั้งคู่มีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันหลายครั้ง และญาติก็คอยช่วยพูดคุยให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน จนกระทั่งในช่วงเย็นของวันนี้ ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกันอีก ทำให้ นายประทีป น่าจะหมดความอดทน เพราะหึงหวงและโกรธที่ภรรยาขอแยกทาง จึงตัดสินใจใช้อาวุธยิงภรรยาและลูกทั้งสองคน แล้วยิงตัวตายตาม เพื่อหวังยุติปัญหาตายไปพร้อมกันทั้งครอบครัว