นับครบทุกหน่วย ซ้อหมวย – ธัญพร มุ่งเจริญพร เฉือนชนะแชมป์เก่า พรชัย มุ่งเจริญพร พี่ชายสามี คว้าชัย เลือกตั้งนายกอบจ.สุรินทร์

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีการจัดให้มีการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ (อบจ.) กกต.ประจำจังหวัดสุรินทร์ แทนตำแหน่งที่ว่างลง หลังจากที่ นายพรชัย มุ่งเจริญพร ลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระ 3 เดือน

โดยมีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้นายก อบจ.สุรินทร์ ทั้งสิ้นจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นางธัญพร มุ่งเจริญพร อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ เบอร์ 1 , นายพรชัย มุ่งเจริญพร อดีตนายก อบจ.สุรินทร์ เบอร์ 2 , นางนัทธมน ศิริวัฒนวานิช อดีตรองนายก อบจ.สุรินทร์ เบอร์ 3 , ดร.ภัทรพล หงษ์สูง สังกัดอิสระ เบอร์ 4 , นายฉลอง สัตตรัตนามัย หรือ ทนายหมู สังกัดอิสระ เบอร์ 5

หลังปิดหีบเลือกตั้ง ที่ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ โดยเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยเริ่มนับคะแนนทันทีหลังจากปิดหีบในเวลา 17.00 น.

โดยมีจำนวนประชากร 17 อำเภอ 36 เขตเลือกตั้ง จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,080,633 คน จำนวนหน่วยเลือกตั้ง 2,326 หน่วย

เมื่อเวลา 00.57 น. ผลคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.สุรินทร์ อย่างไม่เป็นทางการ นับครบทุกหน่วยแล้ว ปรากฎว่า

หมายเลข 1 นางธัญพร มุ่งเจริญพร ได้คะแนน 222,756
หมายเลข 2 นายพรชัย มุ่งเจริญพร ได้คะแนน 211,537
หมายเลข 3 นางนัทธมน ศิริวัฒนวานิช ได้คะแนน 81,612
หมายเลข 4 นายภัทรพล หงษ์สูง ได้คะแนน 4,503
หมายเลข 5 นายฉลอง สัตตรัตนามัย ได้คะแนน 15,503

โดย นางธัญพร มุ่งเจริญพร อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กวาดคะแนนเฉือนชนะ นายพรชัย มุ่งเจริญพร อดีตนายก อบจ.สุรินทร์ในโค้งสุดท้าย คะแนนนำห่าง 11,219 คะแนน

สำหรับ นางธัญพร มุ่งเจริญพร เป็นภรรยาของ นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต 1 จ.สุรินทร์ จึงถือว่ามีศักดิ์เป็นสะใภ้ของ “ตระกูลมุ่งเจริญพร” และเป็นหลานสะใภ้ของ นายพรชัย มุ่งเจริญพร ผู้สมัครหมายเลข 2 ที่ก็เป็นหนึ่งในตระกูลมุ่งเจริญพรด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ นางธัญพร เปิดเผยไว้เมื่อครั้งหาเสียงถึงการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า จากการลงพื้นที่ มีเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เพราะเป็นโอกาสที่ จ.สุรินทร์ จะได้รับโอกาสที่ดี

ส่วนที่มีคนถามว่าทำไมหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ลงมาสู้กันเองนั้น คิดว่าสิ่งที่ทำไปวันนี้ ไม่ใช่การแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่เป็นโอกาสของชาว จ.สุรินทร์ ได้มีสิทธิเลือก เลือกคนที่เขารัก และคนที่ใช่ เพื่อมาทำงานให้จังหวัด ขณะนี้ตนลงพื้นที่ได้ประมาณ 70% แล้ว ใช้การเดินเคาะประตูบ้าน คงไม่เปิดเวทีหาเสียง เนื่องด้วยระยะเวลาการเตรียมตัวมีน้อย ส่วนมากจะเดินตลาด และชุมชน