“สร้างอนาคตไทย” ชูพันธกิจ 5 แก้ 5 สร้าง รีเซ็ตประเทศไทย โชว์ไอเดีย “กองทุนสร้างอนาคตไทย” วงเงิน 3 แสนล้าน ฟื้นวิกฤต ศก.-แก้หนี้ ปชช. พร้อมสร้างความเท่าเทียม-เพิ่มการแข่งขัน เปิดโอกาสให้คนตัวเล็ก-คนรุ่นใหม่ ระบุกองทุนฯ 3 แสนล้าน ไม่ใช้เงินกู้-ทำได้จริง
อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย
เมื่อวันที่ 28 ส.ค.65 ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย ได้แถลงข่าวเปิดยุทธศาสตร์พรรค “เราพร้อมเปลี่ยนอนาคตประเทศไทย” โดยมี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค และประธานภาค กทม. นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคใต้, นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคอีสาน, นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้า และผู้อำนวยการพรรค, นายสันติ กีระนันทน์ รองหน้าพรรค และประธานฝ่ายนโยบาย และนายวัชระ กรรณิการ์ รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคกลาง พร้อมด้วยผู้เสนอตัวลงสมัคร ส.ส.และผู้ประสานงานพรรค ร่วมงาน
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย
นายอุตตม กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาที่ประเทศไทยที่กำลังอึมครึม จากทั้งวิกฤตโควิด วิกฤตหนี้สิน ค่าครองชีพสูง ภาคธุรกิจ หรือคนตัวเล็กต้องเลิกกิจการ ภาวะเศรษฐกิจทั้งใน และนอกประเทศสุ่มเสี่ยง รวมถึงการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ เป็นต้น ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของของฝ่ายการเมือง และฝ่ายบริหารปัจจุบันนั้นคลุมเครือ ไม่ตอบโจทย์ จนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่ไทยกำลังเผชิญมรสุมที่ถาโถมเข้ามา พรรคสร้างอนาคตไทยจึงขอประกาศพันธกิจรีเซ็ตประเทศไทย ซึ่งเป็นชุดความคิดที่ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติที่ทำได้อย่างแท้จริง โดยประกอบด้วยพันธกิจ 5 แก้ไข และ 5 สร้าง เพื่อเร่งวางรากฐานที่ยั่งยืนและคุณภาพไปสู่อนาคตให้แก่คนไทย
นายอุตตม กล่าวขยายความพันธกิจรีเซ็ตประเทศไทยด้วยว่า ในส่วนของ 5 แก้ไข คือ 1.แก้ปัญหาที่สั่งสมและรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ต้องหยุดทุกระดับ, 2.ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งบั่นทอนสังคม และอนาคตของคนไทย, 3.สร้างความเท่าเทียม เพิ่มการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำและการผูกขาด, 4.เพิ่มประสิทธิภาพ ลดขนาดราชการ, และ 5.ยกระดับภาคเศรษฐกิจ และภาคเกษตรกร ซึ่งโครงสร้างเดิมอาจไม่ตอบโจทย์แล้วในยุคปัจจุบัน ขณะที่ 5 สร้าง คือ 1.สร้างเศรษฐกิจฐานราก คือหัวใจของชุดความคิดใหม่ของเรา เริ่มจากชุมชนต้องเข้มแข็ง, 2.สร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต, 3.สร้างสังคมเกื้อกูล ความสามัคคี การช่วยเหลือดูแลกัน ที่ย่อมเป็นพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน, 4.สร้างคน และโครงสร้างพื้นฐาน ที่สนับสนุนก้าวสู่สังคมที่ก้าวทันโลก และ 5.สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับประเทศ
“จากกรอบใหญ่ที่พรรคสร้างอนาคตไทยเสนอนั้น มีโจทย์สำคัญ 2 เร่ง เร่งแรกคือ เร่งรัดการแก้ไขเร่งด่วนให้แก่ประชาชนที่สืบเนื่องมาจากวิกฤตต่างๆในช่วงที่ผ่านมา และเร่งที่ 2 ร่วมกันเร่งวางรากฐานไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน และมีคุณภาพให้กับคนไทย และประเทศไทย ซึ่งเราขอนำเสนอวิธีการตอบโจทย์ด้วยกลไกหลัก ด้วย กองทุนสร้างอนาคตประเทศไทย วงเงิน 3 แสนล้านบาท ที่จะนำไปสู่ภาคปฏิบัติในการแก้ไขจัดการปัญหาที่ว่ามาภายในกรอบนโยบายชุดความคิดใหม่ของพรรคสร้างอนาคตไทย” นายอุตตม ระบุ
หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวด้วยว่า กองทุนสร้างอนาคตประเทศไทย วงเงิน 3 แสนล้านบาท จะไม่ได้มาจากเงินกู้ ไม่เป็นภาระประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1 แสนล้านบาทเพื่อช่วยคนตัวเล็ก โดยการปลดแอกหนี้สิน พักชำระเงินต้น และดอกเบี้ย ซึ่งสามารถทำได้ถึง 5 ปีขึ้นไป โดยต้องทำให้เป็นจริงเป็นจัง ไม่ให้วนกลับมาในวงจรหนี้อีก แต่ต้องประกอบกับการที่ภาครัฐและคนเอกชน ร่วมกันในการเสริมทักษะอาชีพ และเติมทุนใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ เมื่อปรับโครงสร้างหนี้แล้วจะได้ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ขณะที่อีก 2 แสนล้านบาท จะใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก และสร้างเศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนการลงทุนกิจกรรมเศรษฐกิจในระดับฐานรากชุมชน ให้เกิดการจ้างงาน การผลิต ในรูปแบบเศรษฐกิจยุคใหม่ ยกระดับภาคการเกษตร และท่องเที่ยว
“ผมเชื่อว่าด้วยแนวความคิดที่ปฏิบัติได้ ด้วยบุคลากรที่เรามี และการสร้างเครือข่ายกับพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน กองทุนสร้างอนาคตประเทศไทย สามารถที่จะเกิดได้จริง ทำงานได้จริง ช่วยคนตัวเล็กที่ล้มไปแล้ว ให้ลุกขึ้นมาและก้าวต่อไปได้ รวมไปถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความฝัน แต่ยังขาดโอกาสด้วย” นายอุตตม กล่าว
ขณะที่ นายสันติ กีระนันทน์ รองหน้าพรรค และประธานฝ่ายนโยบาย กล่าวเสริมถึงวงเงิน 3 แสนล้านบาทของกองทุนสร้างอนาคตประเทศไทยว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศ ณ ขณะนี้ อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาทขึ้นไป ตามกฎหมายกำหนดว่าอย่างน้อย 20% ต้องเป็นรายจ่ายลงทุน หรือราว 6 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของรายจ่ายลงทุนนี้นั้นหากแยกย่อยลงไป ก็จะพบว่าเกินครึ่ง ไม่ได้อยู่ในภาวะเร่งด่วน อาทิ หมวดการป้องกันประเทศ หมวดความสงบภายในประเทศ และด้านการเศรษฐกิจ ซึ่งรายจ่ายลงทุนของ 3 หมวดดังกล่าวรวมกันเกิน 4 แสนล้านบาท หากมีการจัดสรรใหม่ โดยการออกพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ และจัดสรรให้เหมาะสมกับภาวะขณะนั้น แล้วจัดการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น ปัญหาหนี้สิน แก้ปัญหาการทำมาหากินไม่ได้ของพี่น้องประชาชน ก็สามารถทำได้
“มีความมั่นใจว่า หากพรรคสร้างอนาคตไทย ได้มีการโอกาสเข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชน กองทุนสร้างอนาคตประเทศไทย 3 แสนล้านบาท ทำได้ทันที และทำได้แน่นอน” นายสันติ ระบุ