พระนครศรีอยุธยา-สาวซื้อบิ๊กไบค์ผียัไม่ทันขี่กลับ ‘ถูกขโมย’ สืบจนรู้ฝีมือ ‘คนขาย’ ซ้อนแผนดับแค้น พาพวกปล้นกลับ

จากกรณีเมื่อเวลา 21.30 น คืนวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา นายธนยศ อายุ 26 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี แจ้งตำรวจ สภ.ผักไห่ ว่าถูกทำร้ายในเขต อ.เสนา และคนร้ายนำมาทิ้งในเขต อ.ผักไห่ ก่อนชิ่งรถ จยย.บิ๊กไบค์ของตนไปนั้น หลังรับแจ้งได้ส่งตัวนานธนยศ ไปเย็บแผลที่ รพ.รวม 6 เข็ม ขณะเดียวกันได้ตามจับรถกระบะตู้ทึบ พร้อมจับกุมชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่บรรทุก จยย.ของกลาง ได้ภายในเขต จ.ปทุมธานี

ล่าสุดวันนี้ 23 มิถุนายน พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมาสรุปแนวทางคดี

พบว่า น.ส.ปรีญาภรณ์ อายุ 36 ปี หญิงสาวที่ถูกคุมตัวได้ในรถกระบะตู้ทึบ รับสารภาพว่า ตนเองเคยซื้อรถบิ๊กไบค์คันดังกล่าวซึ่งเป็นรถผี จากนายธนยศ มาแล้ว 1 ครั้ง ในราคา 65,000 บาท ยอมรับว่า รู้ว่าเป็นรถที่ผิดกฎหมาย รถขาดการส่งจากบริษัทไฟแนนซ์ หลุดจำนำ และมีการนัดส่งมอบรถจยย.ในพื้นที่ จ.นครปฐม ตนจึงว่าจ้างรถรับขนส่ง ให้ไปรับ มีการโยกย้ายสถานที่รับรถจยย. ถึง 2 สถานที่ จนมีการส่งมอบรถกัน

ทางพนักงานขับรถส่งสินค้า ขอเอกสารและบัตรประชาชนของผู้ที่นำรถมาส่ง อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงไปมา ก่อนจะยอมให้ถ่าย พบว่า ใบขับขี่เป็นผู้ชาย ชื่อในเอกสารเช่าซื้อรถเป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายจำนามสกุลได้ คือ นายธนยศ ผู้บาดเจ็บ หลังมีการถ่ายภาพและเอกสารส่งมาให้ ตนจึงโอนเงินจ่ายค่ารถ และรอให้รถที่รับจ้างขนส่งนำรถมาส่งให้ตน แต่ก็ไม่ได้รถ เพราะทราบว่ารถคันดังกล่าวถูกขโมยไปก่อนที่จะนำมาส่งมอบให้ตน

พอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า มีคนขโมยเอารถไปคือ นายธนยศ ที่เป็นคนขาย ตนใช้เวลาคิดอยู่ 1 วัน หาทางที่จะเอารถคืนหรือเอาเงินคืน จึงได้ปลอมตัวไปติดต่อขอซื้อรถจากผู้บาดเจ็บ จนมีการนัดส่งมอบรถยนต์ กันที่เกิดเหตุ ตนขอเปิดเผยรายละเอียดเท่านี้ ส่วนเรื่องราวที่เกิดเหตุไม่ขอเปิดเผย

ยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปผิดกฎหมาย ใช้ระบบศาลเตี้ย ไม่มั่นในกระบวนการยุมติธรรม และเกิดความโกรธแค้น เมื่อผู้บาดเจ็บไม่ใช่ลูกผู้ชายขายรถแล้วยังมาขโมยกลับไป ขอยอมรับผิดในส่วนที่ตนเองกระทำไป

“จะแจ้งตรวจก็ไม่ได้เพราะรถผิดกฎหมาย จึงตามสืบเอง และพบว่านายธนยศ ได้ประกาศขายรถคันนี้ในเว็บใต้ดินอีกครั้ง จึงวางแผนซื้อรถคันนี้อีกครั้ง และนัดหมายให้อีกฝ่ายมาส่งรถ จยย.ในเขต อ.เสนา เมื่อนายธนยศ นำรถมาส่ง จึงให้พรรคพวกอีก 4 คันทำร้ายด้วยการตีหัวจนสลบและเอานายธนยศไปทิ้งในเขต อ.ผักไห่ ส่วนพวกตนเองทั้ง 6 คนก็หลบหนีตามแผนที่วางเอาไว้” น.ส.ปรีญาภรณ์ สารภาพ

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชยานนท์ เปิดเผยว่า คดีนี้มีความชับซ้อนในเหตุการณ์ ต้องสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมอีก แต่เบื้องต้นในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสนา เจ้าของคดี รับเป็นคดีร่วมกับปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน โดย นายธนยศ เป็นผู้เสียหาย และโดยจะขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้ง 6 คน ซึ่งตอนนี้ควบคุมได้แล้ว 2 คน คงเหนืออีก 4 คน

ส่วนประเด็นการขายรถผีและโจรกรรมรถยนต์ ที่ น.ส.ปรีญาภรณ์ 1 ในผู้ต้อสงสัยอ้างนั้น ก็สามารถแจ้งความได้ แต่ต้องเป็นท้องที่ตำรวจในเขต จ.นครปฐม ที่เป็นท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และจะประสานตำรวจนครปฐมให้ แต่ในส่วนของตำรวจ สภ.เสนา รับทำเพียงคดี ร่วมกันปล้นทรัพย์ที่ น.ส.ปรีญาภรณ์ นำทีมก่อเหตุเท่านั้น

ส่วนการสืบสวนขยายผลฉนวนเหตุของการก่อเหตุว่ามาจากสาเหตุใดเกิดจากการหักหลังกันมีการซื้อขายรถจยย.แล้ว กลับมาขโมยไปขายต่ออีกรอบ แล้วมาวางแผนดักชิงรถจยย.กัน อยู่ระหว่างการสืบสวน หากพบว่ามีการกระทำความผิดในส่วนใดใครใครผิดบ้างจะดำเนินการต่อไป การให้การของผู้ต้องหาและผู้เสียหายยังมีหลายประเด็นที่มีความซับซ้อนเกี่ยวโยงกัน ถึงเรื่องการซื้อขายรถ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบ ผู้เช่าซื่อรถจยย. ไม่ใช่นาย ธนยศ โดยนาย ธนยศ มีการนำรถจยย.ที่ขาดการผ่อนส่งกับบริษัทไฟแนนซ์นำมาขาย โดยมีการติดตั้งจีพีเอสไว้ที่ รถจยย. เมื่อขายรถไปแล้ว ได้ติดตามไปขโมย รถจยย.กลับคืนมาขายต่ออีกทอดหนึ่ง ทาง นางสาวปรีญาภรณ์ ผู้ต้องหาทราบว่ามีการนำรถจักรยานยนต์มาขาย จึงได้มีการวางแผนล่อซื้อรถจักรยานยนต์ กันภายในบริเวณวัดเมื่อพบรถจักรยานยนต์จึงได้ทำการชิงรถจักรยานยนต์และทำร้ายร่างกาย นำตัวผู้เสียหายไปทิ้ง จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว