ชาวภูเก็ตแห่ฟัง “ลุงตู่” ปราศรัยนับหมื่นคน ส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ตอกย้ำกระแสความนิยมโค้งสุดท้าย ขณะที่เจ้าตัวชี้มีคนไล่ให้ไปเลี้ยงหลานเพราะแก่แล้ว แต่ยืนยันยังไม่แก่และไม่มีหลานก็เลยต้องอยู่ ทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อ ย้ำมีหัวใจสีม่วงของคนใกล้ตายที่จะไม่โกหก แตกต่างกับบางคนที่ใกล้ตายแต่กลับโกหก กลับไปกลับมาไม่น่าเชื่อถือ อ้อนคนภูเก็ตเลือก รทสช.จะได้นโยบายสนับสนุนคนทุกช่วงวัยอย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม เวลา 17.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางพร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8 ,เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3,เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7 ร่วมเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร บริเวณวงเวียนสี่แยกท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมพบปะประชาชนที่เดินทางมารอต้อนรับก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังลานเวทีกลางสะพานหิน จ.ภูเก็ตเพื่อขึ้นปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนและประชาชนชาวภูเก็ตที่มารอฟังการปราศรัยและส่งเสียงเชียร์นับหมื่นคน พร้อมมอบดอกไม้ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ รวมถึงตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 คน
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวทักทายประชาชนระบุว่าตนเดินทางมาภูเก็ตหลายครั้งแล้ว หวังว่าทุกคนคงจำหน้าตนได้ ก่อนที่จะแนะนำตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 คนได้แก่ เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8 ,เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3,เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7 รวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์พรรคลุงตู่ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่าในช่วงสถานณ์โควิด 19 จ.ภูเก็ตเคยเงียบเหงา แต่ตนตัดสินใจที่จะเปิด จ.ภูเก็ตเป็นที่แรกเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทุกคนลืมหน้าอ้าปากได้ และหลังจากนี้จะยังมีการจัดงานเอ็กซ์โปร์ด้วย จึงอยากให้ทุกคนให้โอกาสเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติให้มาทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมาเป็นผลงานที่เชื่อว่าทุกคนจำได้ดีและพรรคเองก็ยังมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในทุกเรื่องด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญนอกจากธรรมชาติที่สวยงามของภูเก็ตแล้ว ยังเป็นรอยยิ้มของคนภูเก็ต ตนเป็นทหารมาก่อน รังเกียจตนหรือไม่ และทหารที่ดูแลบ้านเมืองก็เป็นลูกหลานของทุกคนทั้งสิ้น อย่าให้ใครมาบอกว่าข้าราชการคือช้างป่วย ถ้าทหารและข้าราชการเป็นช้างป่วย ประเทศจะมั่นคงอย่างนี้หรือไม่ ดังนั้นจึงควรยุติเรื่องความแตกแยกภายในประเทศเพราะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก พร้อมยกบทกลอน “อันศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” อย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะการแตกแยกในครอบครัว พ่อทะเลาะกับลูก แม่ทะเลาะกับลูก อย่างนี้ทำไม่ได้ดังนั้นอย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกนี้
“วันนี้น่าจะเป็นโรคหัวใจโต ตรวจสุขภาพไม่เป็นไร แต่มาภูเก็ตได้หัวใจคนภูเก็ตทำให้หัวใจโต และวันนี้มาเพราะความคิดถึง คิดถึงจังฮู้ แล้วกินอาหารทุกมื้อก็หรอยแรง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าอยากให้คนไทยทุกคนลองจินตนาการว่าอยากให้ประเทศชาติเป็นไปแบบไหน ถ้าหากอยากให้ประเทศชาติพัฒนาไปข้างหน้าเหมือนกับทุกวันนี้ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคมีนโยบายทุกอย่างที่จะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองต่อไป นโยบายต่างๆ มีจำนวนมากทั้งบัตรลุงตู่ คนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน นโยบายแก้หนี้ นโยบายสนับสนุนกลุ่มผู้ทำงานต่างๆ การสร้างศูนย์ดูแลด้านสุขภาพให้กับทั้งผู้สูงวัยและผู้เจ็บป่วย การพร้อมสร้างการคมนาคมใหม่ทั้งท่าเรือ สนามบินใหม่ รถไฟความเร็วสูง เป็นแผนพัฒนาการคมนาคมที่ยั่งยืน บางอย่างทำเสร็จแล้วบางอย่างยังทำไม่เสร็จ ต่อจากนี้มีแผนไปถึง 69 ล้วนเป็นนโยบายที่พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมไว้ ถ้าหาได้มีโอกาสได้ทำงานเป็นรัฐบาลจะสามารถทำต่อได้ทันที ไม่ต้องเริ่มใหม่
ในส่วนของนโยบายต่างประเทศก็ต้องสร้างสมดุลให้ได้ และตนก็ทำมาตลอด จริงๆ ตนไม่ได้ขออะไรมากแค่ขอ 1 คนหนึ่งเสียงเท่านั้น อย่ากาเบอร์ผิด อย่าเชื่อใครว่าตนไปอยู่พรรคอื่นแต่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติพรรคเดียวเท่านั้น บางคนออกมาบอกว่าตนแก่แล้ว แต่ผมยังไม่แก่ และให้ผมไปเลี้ยงหลาน แต่เผอิญตนไม่มีหลานก็เลยต้องอยู่ต่อ พร้อมกับกล่าวด้วยว่าตนมีหัวใจเป็นสีม่วง เปรียบเสมือนหัวใจของคนใกล้ตายจึงไม่โกหก แต่บางคนใกล้ตายกลับพูดจาโกหกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกวัน ดังนั้นจึงขอให้เชื่อว่าตนเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าอยากได้รัฐบาลที่ทำจริงและมีผลงานชัดเจนต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ