นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานบริหารริเวอร์แควสหคลินิก (คลินิกกัญชาทางการแพทย์) และ ประธานศูนย์อภิบาลด้วยพืชสมุนไพรแห่งริเวอร์แคว ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ปลูกกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ในตลาดของการส่งเสริมการปลูกกัญชาทางการแพทย์ เริ่มติดขัดและมีอุปสรรคต่อกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายน้ำแล้ว เนื่องจากมีกลุ่มนักธุรกิจหัวใสบางกลุ่มที่ลักลอบนำช่อดอกกัญชาแห้งจากต่างประเทศ นำเข้ามาขายในราชอาณาจักรไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบต่อกลุ่มผู้ปลูกกัญชาในประเทศไทยอย่างร้ายแรง เนื่องจากในกลุ่มของการใช้ส่วนผสมของดอกกัญชาในการทำยารักษาโรค
บางกลุ่มไม่ใช้ช่อดอกกัญชาของเกษตรกรไทย หันไปใช้ช่อดอกที่นำเข้าหมด และร้านค้าที่ขายวัสดุและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา (Dispensary) ต่างๆ ในประเทศไทยก็หันไปใช้เช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นใบอนุญาตที่ออกจำหน่ายแปรรูป ส่งออกในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 2,078 คำขอ ซึ่งได้รับอนุญาตไปแล้ว 1,720 ใบอนุญาต ส่วนต่างจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดยื่นคำขอ 7,318 คำขอและได้รับใบอนุญาตไปแล้ว 5,395 ใบอนุญาต ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก หากเราสามารถควบคุมและกำหนดทิศทางตามกฎหมายที่มีอยู่และระเบียบข้อบังคับได้อย่างชัดเจนจะทำให้เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาทางการแพทย์นี้ได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล นับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้หมุนเวียนในประเทศได้อย่างดีมาก
ซึ่งการลักลอบนำเข้าดอกกัญชาแห้งจากต่างประเทศจำนวนมากและเป็นที่นิยมกับกลุ่มผู้ใช้ด้านสันทนาการ โดยมีการลักลอบขายตามร้านขายกัญชา วิธีการคือ จะจัดซื้อจากแหล่งที่มาที่ถูกต้องในปริมาณเล็กน้อยส่วนที่เหลือจะเก็บไว้หลังร้านและนำมาเติมโดยมีการเจรจากับลูกค้าซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้องและขาดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง รวมถึงไม่เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐและยังสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มเกษตรกร “กัญชา” ไม่สามารถต่อยอดในด้านการขายและด้านเศรษฐกิจ
จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐเพื่อโปรดพิจารณาในการควบคุมใบอนุญาตการขายตามข้างต้นให้คุ้มครองเอกสิทธิ์กับกลุ่มผู้ปลูกด้วย มิใช่ให้เอกสิทธิ์ในกลุ่มผู้ค้าคนกลางด้วย ซึ่งกลุ่มพวกนี้อันตราย และบังคับใช้การรายงานผลผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว พร้อมทั้งมีการตรวจสอบสร้างเงื่อนไขกับกลุ่มผู้ขอใบอนุญาตใหม่ โดยอาจต้องคำนึงถึงเกษตรกรเป็นหลักที่เป็นนัยสำคัญของการส่งเสริมเกษตรกรไทย การพิจารณาอนุญาตโรงปลูกกัญชาหรือแหล่งปลูกกัญชาต้องมีการควบคุมให้มากกว่านี้ โดยสร้างเงื่อนไขและกฎเกณฑ์
ทั้งนี้ปัจจุบันในประเทศเยอรมัน กฎหมายกัญชาเสรีใกล้คลอดเช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นในข้อกำหนดไม่อนุญาตให้ใช้กัญชานำเข้าเพื่อการใช้สันทนาการโดยเด็ดขาด การใช้กัญชาในเยอรมันอาจจะอนุญาตให้เฉพาะเกษตรกรที่ปลูกในประเทศเท่านั้น ยกเว้นการนำเข้าในสารสกัดทางการแพทย์เท่านั้นถึงจะอนุญาตให้นำเข้าได้ เราคงต้องพัฒนาข้อกฎหมายและระเบียบให้สอดคล้องกับสากล, การกำหนดเขต Zoning ของการขายสมุนไพรควบคุมหรืออื่นๆ คงต้องดำเนินการไปควบคู่กัน เนื่องจากประเทศไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะ เหมือนแมวไล่จับหนู และที่สำคัญสายลับแฝงในองค์กรต่างๆ มาก จนทำให้การควบคุมและลงโทษไม่ได้ผล และหากต้องการให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจควรเร่งรัดดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ทันที
ซึ่งการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่เราทำได้ในขณะนี้คือได้จัดตั้งทีมงานสำหรับการเข้าสอดแนมตามร้านขายกัญชาต่างๆ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงและทราบปริมาณของกัญชานอกที่ทะลักเข้ามา พร้อมเตรียมเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1.ให้มีการควบคุมการออกใบอนุญาตการขายช่อดอกในร้านขายตามร้านขายยาต่างๆ คงจะต้องมีการควบคุมใบอนุญาตโดยกำหนดเงื่อนไขมากกว่านี้และจำเป็นจะต้องมีแหล่งการปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย 2.บังคับใช้การรายงานผลผลิตที่มาและปริมาณการขายตามระเบียบอย่างเคร่งงวดเพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำผลิตผลจากนอกประเทศเข้ามาส่งเสริมการขายเด็ดขาด 3.การพิจารณาอนุญาตโรงปลูกกัญชาหรือผู้ปลูกกัญชา ควรมีการควบคุมเพราะปัจจุบันมีการขออนุญาตเพียง 300 ต้น แต่มีผลผลิตมากกว่า 500 กิโลกรัมต่อรอบการปลูก ทำให้ไม่มีความชัดเจน เหลื่อมล้ำ กับผู้ที่ได้รับอนุญาตและเกษตรกรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาพืชสมุนไพรควบคุมกัญชา ให้สู่ระดับสากล โดยต้องมีมาตรฐาน GACP กำกับ
4.การกำหนดเขต (Zoning) ของร้านค้าที่ขายวัสดุและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา (Dispensary) โดยกำหนดเขตพื้นที่ร่วมกับสำนักผังเมืองหรือและกรมโยธาธิการจังหวัดในแต่ละจังหวัดเพื่อสะดวกต่อการควบคุมกำกับดูแลโดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องชี้ต่อภาพลักของประเทศในด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยมิให้ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของกระแสเพราะประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีสังคมและมีจารีตประเพณีที่ดีงามจึงมิอยากให้สังคมโลกมองว่าประเทศไทยเป็น “กัญชาเสรี” จนเกินไปเพราะปัจจุบันได้รับทราบจากแหล่งข้อมูลว่ามีนักธุรกิจเส้นใหญ่ที่ต้องการเปิดกัญชาเสรีใจกลางเมือง คงต้องมีการช่วยกันควบคุม 5.จะให้ภาครัฐช่วยส่งเสริม สนับสนุนการนำช่อดอกกัญชาแห้งส่งออกรวมถึงสารสกัดเพื่อทางการแพทย์โดยเฉพาะ เพราะกลุ่มผู้ปลูกกัญชาทางการแพทย์ ต้องการกำลังซื้อจากแหล่งผู้ผลิตยารักษาโรคจากต่างประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนอย่างจริงจังจะถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของประชาชนคนไทยอย่างเป็นรูปประธรรม
อย่างไรก็ตามอยากวิงวอนให้รัฐบาลและ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกกันอย่างไปมากกว่านี้