ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม.ร่วมกันจับกุม 1. นายสหรัฐฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4791/2568 ลงวันที่ 18 ส.ค.68
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “โฆษณาการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ฉ้อโกงประชาชน”

2. นายณัฐพลฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5389/2568 ลงวันที่ 17 ก.ย.68 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันโฆษณาการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน มี.ค.68 ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์บริษัทกับพวกกรณีที่บริษัท หลอกลวงผู้เสียหายว่า สามารถต่ออายุใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา และมีการโพสต์โฆษณาข้อความพร้อมรูปภาพตัวอย่างบัตรในแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนพบการกระทำผิด จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกทำบัตรต่างด้าวเพิ่มเติม จนพบว่ามีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม คือ 1. กลุ่มทำหน้าที่ติดต่อพูดคุย และรับเงินค่าจ้างในการพาไปทำบัตร, ติดต่อประสานงานเจ้าหน้าที่รัฐ 2. กลุ่มบัญชีรับโอนเงิน

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งกลุ่มนายหน้า จำนวน 2 ราย และบัญชีรับโอนเงิน จำนวน 9 ราย (11 หมายจับ) ต่อมา ขออนุมัติศาลออกหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ จังหวัดนครปฐม 1 จุด ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่ หมู่ 14 ต.บางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม ตามหมายค้นของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 602/2568 ลงวันที่ 10 พ.ย.68  พบนายสหรัฐฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4791/2568 และนายณัฐพลฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5389/2568 หลบหนีมาซ่อนตัวที่บ้านหลังดังกล่าว

หลังจากร่วมกันเปิดบริษัทโฆษณาหลอกลวงประชาชน ว่าสามารถต่อใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว บนช่องทางเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อและสูญเสียซึ่งทรัพย์สินหลายราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท โดยจากการตรวจสอบบริษัท และผู้ต้องหามีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 50 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งสิทธิตามกฎหมายการตรวจค้นสถานที่ตามหมายค้น สามารถตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องหลายรายการ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การจับกุมครั้งนี้เป็นผลจากการสืบสวนกรณีร้องเรียนผู้ประกอบการและแรงงานที่ตกเป็นเหยื่อ ของการจัดหางานผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทั้งสองผู้ต้องหาร่วมกันเปิดบริษัทนำเข้าแรงงาน ทำใบอนุญาตทำงานต่างด้าวบังหน้า พร้อมสร้างเว็บไซต์ปลอม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงนายจ้าง และผู้ที่ต้องการนำเข้าแรงงาน ทั้งยังนำข้อมูลพาสปอร์ตของแรงงานเหล่านี้ไปเปิดบัญชีธนาคารในชื่อผู้อื่น (บัญชีม้า) แล้วขายสิทธิการใช้บัญชีเหล่านั้นให้กับผู้ประกอบการเว็บไซต์พนันออนไลน์ ส่งผลให้ความเสียหายรวมมีมูลค่าหลายล้านบาท