A man talks on a phone next to a lamp post that collapsed in strong winds ahead of the arrival of Typhoon Kalmaegi near Quy Nhon beach in Gia Lai province in central Vietnam on November 6, 2025. Typhoon Kalmaegi's windspeeds were increasing November 6 as it headed towards Vietnam, where fear was mounting the typhoon could compound the damage of a week of flooding that has already claimed 47 lives. (Photo by NHAC NGUYEN / AFP)

สำนักข่าว VNEXPRESS รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี(KALMAEGI)พัดถล่มภาคกลางของเวียดนามเมื่อช่วงหัวค่ำ ก่อให้เกิดความเสียหายตั้งแต่ชายฝั่งจังหวัดกว๋างหงายไปจนถึงจังหวัดยาลายและจังหวัดดั๊กลัก ด้วยความเร็วลมสูงสุด 149 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุได้พัดต้นไม้หักโค่น หลังคาบ้านเรือนพังเสียหาย โรงแรมที่มีกระจกหน้าแตก และไฟฟ้าดับ ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนหลายแสนครัวเรือน

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 21.00 น. พายุไต้ฝุ่นอ่อนกำลังลงเล็กน้อย โดยมีความเร็วลมคงที่ประมาณ 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวลา 22.00 ความเร็วลมลดลง เหลือ 102 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังคงมีลมกระโชกแรงและฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนใน คลื่นซัดเข้าบ้านเรือนริมชายฝั่ง น้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีประชาชนจำนวนมากที่ติดอยู่หรือได้รับบาดเจ็บ

ทั่วภาคกลางของเวียดนาม ประชาชนกว่า 537,000 คนในเว้ ดานัง กว๋างหงาย ยาลาย และดั๊กลัก ได้รับการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย เรือประมงกว่า 61,000 ลำ พร้อมลูกเรือเกือบ 290,000 คน ได้รับคำสั่งให้ขึ้นฝั่งเพื่อป้องกันไว้ก่อน สนามบินภูมิภาค 6 แห่งถูกระงับการให้บริการ ขณะที่ทางด่วนดานัง-กว๋างหงายบางส่วนและทางหลวงแผ่นดินหลายสายถูกปิดเนื่องจากน้ำท่วมและต้นไม้ล้ม

ขณะที่สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติฟิลิปปินส์ เผย ยอดผู้เสียชีวิตจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี  พุ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย 114 ราย และมีอีก 127 คนกลายเป็นผู้สูญหาย หลังพายุนี้พัดผ่านทางตอนกลางของประเทศเมื่อ 4 พ.ย. ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ไฟฟ้าดับ และทรัพย์สินได้รับความเสียหายมหาศาล