
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งมิจฉาชีพที่มีพฤติกรรม หลอกเช่ารถยนต์ จากผู้ประกอบการทั่วประเทศ แล้วนำไป ส่งขายต่อยังต่างประเทศ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้ว 2 คน จากทั้งหมด 5 หมายจับ
โดยพฤติกรรมของ คนร้าย แก๊งนี้จะติดต่อไปขอเช่ารถยนต์จากผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน จากนั้นจะขับรถออกนอกเส้นทางที่กำหนด และเมื่อผู้เสียหายพยายามติดต่อ ก็จะไม่สามารถติดต่อได้ เชื่อว่าถูกเชิดรถหนี
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.1 บก.ทล. ได้รับการประสานจากผู้เสียหาย และติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมได้ขณะวิ่งอยู่บนถนนในจังหวัดอ่างทอง จึงเข้าสกัดจับและสืบสวนขยายผลจนพบว่าเป็นขบวนการใหญ่
ซึ่งขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน
– มีกลุ่มนายทุนเป็นผู้สั่งการและจ้างงาน
– กลุ่มม้า ทำหน้าที่รับจ้างไปเช่ารถตามร้านต่างๆ
– กลุ่มนักบิน ทำหน้าที่ขับรถนำไปส่งขายต่อประเทศเพื่อนบ้าน
– กลุ่มคนกลาง ทำหน้าที่จัดหารถผิดกฎหมายมาส่งต่อให้นายทุน
ต่อมาวันที่ 9 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้จับกุม ผู้ต้องหา ได้ 2 ราย
– น.ส.อนันตาฯ (อายุ 32 ปี) ทำหน้าที่เป็น นายทุน สั่งการและจ้างคนไปรับ-ส่งรถเพื่อขายประเทศเพื่อนบ้าน
– นายจิรานุวัฒน์ฯ (อายุ 42 ปี) ทำหน้าที่เป็น ม้า รับคำสั่งเดินทางไปรับรถตามสถานที่ต่างๆ
โดยยึดของกลางได้ เป็น รถยนต์ที่ถูกโจรกรรม 1 คัน, ป้ายทะเบียนรถยนต์ 4 แผ่น, เอกสารสำเนาคู่มือรถ และโทรศัพท์มือถือ
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1 (นายทุน) ยอมรับว่าก่อเหตุมานานกว่า 6-7 ปี ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 (ม้า) ให้การว่าทำหน้าที่ตามคำสั่งมาแล้ว มากกว่า 50 ครั้ง
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปหรือรับของโจร” และจะเร่งติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยและแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้:
– ตรวจสอบเอกสาร: ต้องตรวจสอบ เอกสารประจำตัว ของผู้เช่าว่าเป็นของจริงหรือไม่
– ติดต่อสื่อสาร: ตรวจสอบ เบอร์โทรศัพท์ ของผู้เช่าว่าสามารถติดต่อได้จริง
– ติดตาม GPS สม่ำเสมอ: หลังมอบรถ ควร หมั่นตรวจสอบสัญญาณ GPS ของรถอยู่เสมอ
– ถ่ายภาพเก็บไว้: ถ่ายภาพ ผู้เช่าและเอกสารของผู้เช่า เก็บไว้เป็นหลักฐาน
– แจ้งตำรวจทันที: หากพบพฤติการณ์น่าสงสัยว่ารถจะถูกโจรกรรม (เช่น ถอด GPS, ขาดการติดต่อ) ให้รีบแจ้ง สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 เพื่อสกัดจับให้ทันท่วงที