เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่รัฐสภา นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถามในการประชุมวุฒิสภาถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – หนองคาย ที่กำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดขอนแก่นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายแพทย์เปรมศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินการของการรถไฟฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการไล่รื้อหรือขอคืนพื้นที่จากชุมชนหลายแห่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เช่น ชุมชนมิตรภาพ ชุมชนหลักเมือง ชุมชนเทพารักษ์ 1–5 ชุมชนโนนหนองวัด ชุมชนพัฒนาเทพารักษ์ ชุมชนหนองแวงตาชู รวมทั้งพื้นที่ในเขตตำบลในเมือง เมืองเก่า และศิลา รวมกว่า 1,204 หลังคาเรือน โดยประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย และขาดทางเลือกในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในระบบปกติ แม้ว่าการรถไฟฯ จะมีโครงการจัดระเบียบพื้นที่ตามกรอบของรัฐวิสาหกิจ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีแนวทางเยียวยาที่ชัดเจน หรือการจัดหาที่อยู่อาศัยทดแทน รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างการเคหะแห่งชาติ หรือกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

ทั้งนี้ อยากให้ ชี้แจงต่อที่ประชุมถึง 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.นโยบายของรัฐบาล ในการดูแลประชาชนรายได้น้อยที่ถูกไล่รื้อและสูญเสียที่อยู่อาศัยจากโครงการรถไฟความเร็วสูง 2.มาตรการจัดหาที่อยู่อาศัยทดแทนหรือการเยียวยาที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรีตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญ 3.การสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการออกแบบและใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟฯ และพื้นที่โดยรอบโครงการ เพื่อป้องกันการไล่รื้อที่ไร้ทางเลือกและลดความเหลื่อมล้ำ

“สิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่แค่คำสั่งไล่รื้อ แต่คือทางออกที่ชัดเจนและเป็นธรรม” ส.ว.เปรมศักดิ์ กล่าว

ด้าน นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมตระหนักถึงความเดือดร้อน และมีแผนดูแลประชาชนโดยแบ่งผู้ได้รับผลกระทบออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่มีสัญญาเช่ากับ รฟท. จะได้รับการจัดหาพื้นที่เช่าใหม่ หรือสามารถยกเลิกสัญญาได้ตามความสมัครใจ 2.กลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า (ประชาชนยากจนที่อยู่อาศัยมายาวนาน) จะมีการตั้งอนุกรรมการหลายกระทรวงร่วมกันพิจารณา เพื่อหาทางออก เช่น จัดหาที่อยู่อาศัยใหม่ ร่วมกับการเคหะแห่งชาติและพอช. โดยพยายามให้ใกล้เคียงพื้นที่เดิมที่สุด และหากมีที่ดินว่างของ รฟท. ก็จะให้สิทธิ์กับผู้เดือดร้อนก่อน

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

รมช.คมนาคม ย้ำว่า รัฐบาลจะจัดสรรเงินเยียวยา ครอบครัวละ 72,000 บาท พร้อมวางแผนพัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา และคุณภาพชีวิต โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2570 รัฐบาลยืนยันว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญจะต้องควบคู่ไปกับการดูแลประชาชน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน แก้ไขสัญญาเช่าที่ไม่เป็นธรรม และไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของผู้มีรายได้น้อย