
มีรายงานจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.พบพระ จ.ตาก ถึงความเคลื่อนไหวของขบวนการแก๊งต้มตุ๋นทางออนไลน์ สแกรมเมอร์ออนไลน์ และคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งสหภาพเมียนมา ในพื้นที่จังหวัดเมียวดีบริเวณนี้เป็นเขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA กำลังเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก
ทั้งนี้หลังจากที่ชายแดนไทยทางด้านกัมพูชา มีปัญหาความขัดแย้งกัน รวมทั้งมีการปิดด่านพรมแดนกัมพูชา-ไทย ทำให้ขบวนการทำคอลเซ็นเตอร์ อพยพย้ายฐานกลับมายังชายแดนไทย- เมียนมา โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ตรงข้าม อ.พบพระ ที่กลับมาคึกคัก และมีเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานจำนวนมากเหมือนช่วงก่อนมาตรการ 3 ตัดของทางการไทย
ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์รายหนึ่ง กล่าวว่า แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ มีการกักขังและทรมานเหยื่อด้วยรูปแบบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม นายทหารระดับสูง รายหนึ่งของทหาร DKBA ได้แจ้งว่าจะให้ความช่วยเหลือเหยื่อในเร็วๆนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่เครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ไปรอที่ชายแดน จ.ตาก สำหรับจุดที่ประสานไว้เพื่อให้ DKBA ช่วยเหลือออกมา มี 3 ช่องทาง
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้นำระดับสูงของ DKBA และกองกำลัง BGF ได้พบปะหารือกันที่กองบัญชาการ DKBA ในเมืองโส่งซีเหมี่ยน เพื่อปรึกษาหารือถึงแนวทางสร้างสันติภาพ ความมั่นคงในพื้นที่ และการเสริมสร้างเอกภาพระหว่างกลุ่มติดอาวุธด้วยกันอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ซับซ้อนและเปราะบางในปัจจุบัน
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force-Karen -BGF) เปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น กองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง(Karen National Army-KNA) กำลังเป็นประเด็นขัดแย้งใน BGF เนื่องจากผู้นำกลุ่มหนึ่งต้องการปรับเปลี่ยนองค์กรและเลิกธุรกิจสีเทาและดำ แต่ผู้นำ BGF บางส่วนยังต้องการดำเนินธุรกิจอาชญากรรมแบบเดิมต่อไป ซึ่งหากมีกาตประกาศตั้งเป็น KNA ชัดเจนอาจมีการย้ายไปรวมตัวกับ DKBA
ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ แจ้งว่า ทางองค์กรเครือข่าย ฯ ได้พยายามช่วยเหลือผลักดันช่วยเหลือเหยื่อมาตลอด หลังจากได้รับการร้องเรียนจากเหยื่อสแกมเมอร์ออนไลน์โดยตรง และทางญาติเหยื่อ โดยกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ของกะเหรี่ยงกลุ่มบีจีเอฟ. และกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.ทั้งหมดที่มีรายชื่อกว่า 100 คน โดยเฉพาะพื้นที่ของกะเหรี่ยงดีเคบี.มี 92 คน จากพื้นที่ 3 แห่ง ซึ่งทางผู้เสียหายขอความช่วยเหลือมานาน 6 – 7 เดือนเดือนแล้ว แต่ผู้เสียหายยังคงถูกทารุณกรรมหนักมาก ถูกทำร้ายสารพัดรูปแบบ บางคนท้อง บางคนพยายามฆ่าตัวตาย บางคนสูญเสียอวัยวะ เช่นเสียดวงตา และถูกกักขังในห้องมือ
ขณะที่รัฐบาลเมียนมาเงียบ ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้เสียหายเหล่านี้ ซึ่งพบแต่เคสที่เป็นไวรัล เช่นคนจีน และญี่ปุ่น เท่านั้น ส่วนเคสอื่นๆที่ส่งรายชื่อไปกลับเงียบไม่ได้รับความช่วยเหลือ ล่าสุดทางเครือข่ายฯ ได้ประสานกับพลจัตวาหม่องส่วย วะ ผู้นำกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.ระดับ 2 ด้าน อ.พบพระ จ.ตาก โดยทางฝ่ายกะเหรี่ยงได้ตอบตกลง แต่เกิดปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา และขณะนี้ทางเครือข่ายวิตกว่า ช่วงนี้มีการสู้รบในพื้นที่ด้าน อ.พบพระ อาจจะทำให้เหยื่อเหล่านี้ได้รับอันตราย
ผู้นำกะเหรี่ยง ได้ตอบตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือเหยื่อทั้งหมดในเร็วๆนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่เครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ไปรอที่ชายแดน จ.ตาก สำหรับจุดที่ทางเครือข่ายได้ประสานไว้เพื่อให้กะเหรี่ยงดีเคบีอ.ช่วยเหลือออกมา มี 3 จุดคือ 1.บริษัทองไทย พิกัดไท้เฉียง 1 จำนวน 27 คน เอธิโอเปีย 14 คน เวียดนาม 3 คน จีน 10 คน จุดที่ 2 บริษัทHexin โซนไม้เฉียง 2 จำนวน 20 คน ชาวฟิลิปปินส์ 14 คน ไต้หวัน 1 คน ไนจีเรีย 1 คน เอธิโอเปีย 2 คน และแคเมอรูน 2 คน ตำบลช่องแคบ อ.พบพระ จุดที่ 3 โกปาร์ค บ้านวาเล่ย์ ตงข้ามตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จำนวน 46 คน เอธิโอเปีย 29 คน ยูกันดา 2 คน ปากีสถาน 3 คน จีน 7 คน ไนจีเรีย 1 คน แอฟริกา 1 คน อินโดนีเซีย 2 คน