
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความยินดีต่อการประชุมระหว่างไทยกับกัมพูชาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับเสริมความเข้มแข็งแก่ข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำมาลเซีย ชี้ว่าการพบปะกันดังกล่าว ถือเป็นก้าวย่างหนึ่งที่มุ่งหน้าสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า การประชุมเจบีซีระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นพ้องขยายข้อตกลงหยุดยิงบริเวณชายแดนพิพาท ที่เกิดขึ้นตามหลังความเป็นปรปักษ์นองเลือดนาน 5 วัน ระหว่าง 2 ชาติ ทำให้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย
ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดการสู้รบด้วยข้อตกลงสงบศึกหนึ่งที่มี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน เป็นคนกลาง ตามหลังการเกลี้ยกล่อมโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯและคณะผู้ไกล่เกลี่ยจากจีน
ข้อตกลงที่กำหนดให้หยุดยิง มีขึ้นตามหลังการประชุมร่วมของผู้บัญชาการทหารระดับท้องถิ่นของทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมจะเจรจากันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
รูบิโอ ระบุในถ้อยแถลงว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์และผม คาดหมายว่ารัฐบาลของกัมพูชาและไทย จะให้ความเคารพอย่างสูงสุดต่อคำมั่นสัญญาของพวกเขาในการยุติความขัดแย้งนี้”
ขณะที่ เอ็ดการ์ด คาแกน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำมาเลเซีย ซึ่งเข้าร่วมประชุมในวันพฤหัสบดี(7ส.ค.) ในฐานะผู้สังเกตการณ์ แสดงความยินดีด้วยความระมัดระวังว่า ข้อตกลงนี้เป็นเพียงก้าวย่างหนึ่งของการมุ่งหน้าสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
“เราจำเป็นต้องพูดด้วยความสัตย์จริงว่า ยังคงมีความตึงเครียดในระดับสูง และมีความไม่ไว้วางใจในระดับสูง” เขาบอกกับพวกผู้สื่อข่าว “ผมคิดว่ามันเป็นสำคัญสำหรับ 2 ฝ่าย ที่ต้องแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในระดับสูงสุด และข้อความนี้ชัดเจนว่าเป็นการส่งไปถึงบรรดาทหารและตำรวจที่อยู่ตามแนวชายแดน” คาแกนระบุ