MG ประกาศศักดากวาดยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 68 แตะ 11,367 คัน ท่ามกลางการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมร่วมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย–จีน ในงาน Yuyuan Lantern Festival 2025
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MG กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 68 ของ MG เรามียอดขายรถยนต์รวมกว่า 11,367 คัน เติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จดังกล่าวมาจากโมเดลหลักที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ได้แก่ NEW MG4 ELECTRIC, NEW MG S5 EV, NEW MG IM6, ALL NEW MG3 HYBRID+ และ MG5 PRO ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง 68 นี้ MG ยังคงเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายให้กับผู้บริโภคคนไทยต่อไป
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า MG ถือนับเป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนแบรนด์แรกที่เข้ามาวางรากฐานในประเทศไทย โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง SAIC MOTOR CORPORATION ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน และเครือเจริญโภคภัณฑ์ของไทย
โดย SAIC MOTOR CORPORATION ได้รับการจัดอันดับที่ 138 ใน Fortune Global 500 ปี 2025 ด้วยรายได้รวมมากกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024 และติดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 โดยใน 6 เดือนแรกของปี 2025 SAIC MOTOR CORPORATION มียอดขายรถยนต์แบบขายส่งเพิ่มขึ้น 12.4% และยอดส่งมอบถึงลูกค้าอยู่ที่ 2.21 ล้านคัน
ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ของไทย ได้มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยแผนงานระยะยาวและการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงงานผลิตรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตขั้นสูงพร้อมเดินหน้าเพิ่มความคล่องตัว เร่งพัฒนารถ รุ่นใหม่ให้เร็วขึ้น
ล่าสุดกับ โรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารองรับทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก รวมถึงยังมีคลังอะไหล่ โชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 125 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมแทบทุกจังหวัด และยังมีแผนขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเติบโตของ MG ในประเทศไทย คือบทพิสูจน์ว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระดับนโยบาย แต่แสดงออกอย่างชัดเจนในชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านนวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบโจทย์และเข้าใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง
