ตำรวจปราจีนบุรีคุมตัว 7 ผู้ต้องสงสัยพร้อม “สุนทร วิลาวัลย์” สอบปากคำเข้มหลังอดีต สจ.โต้ง ถูกยิงดับคาบันไดบ้าน ตร. คาดปมขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น
จากกรณี เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. 67 พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุใช้อาวุธปืนยิงภายในบ้านพัก นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ใน ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี อดีต รมช.สาธารณสุข สส. พรรคภูมิใจไทย มีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย
หลังรับแจ้ง พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก. ภ.จว.ปราจีนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด นปพ.ชุดสืบสวน พนักงานสอบสวน เดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมตรวจสอบที่เกิดเหตุ และกระจายกำลังควบคุมสถานการณ์ ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้าน และมีอาวุธปืนครบมือ เจ้าหน้าที่ทำการเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธ และสามารถจับกุมตัวได้
ต่อมา เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ภายในบ้าน พบผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ อดีต สจ.โต้ง ปราจีนบุรี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปราจีนบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. เต็มลานบ้านพัก และที่บริเวณกระจกบ้านถูกคมกระสุนแตกกระจายจำนวนมาก ในบ้านยังพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อคานิค จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ นายธนศรัณย์กรณ์ เตชะธนัตถ์โชติ (กอล์ฟ), นายศักดิ์สิทธิ์ ชินวงษ์ (ตูน) กับพวก รวม 7 คน และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ไปทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ส่วนร่างผู้เสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ให้หน่วยกู้ภัยนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำการผ่าชันสูตรอีกครั้ง
ต่อมา พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( รรท.ผบช.ภ.2.) ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เดินทางมาเพื่อติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับถึงกรณีเกิดเหตุยิงกันที่บ้านพักนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี ในพื้นที่ อ.เมือง จว.ปราจีนบุรี
ส่วนมูลเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน น่าจะเป็นความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่นอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ทั้งนี้ขอเวลาเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกมิติ จะแจ้งความคืบหน้าอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกระทำผิดจะไม่มีการละเว้นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย.