บุรีรัมย์-ลูกศิษย์นำคลิปแฉซ้ำพฤติกรรม ผอ. ยึดของไม่ยอมคืน ผู้ปกครองแจ้งความโทรศัพท์ลูกหาย เปิดแอปตามหาเจออยู่กับ ผอ. ล่าสุดเด็กเผยเคยใช้ไม้ตีทำโทษจนเลือดซึม ชอบออกกฎ วางอำนาจ ทวงกิ๊บติดผมที่ยึดไปเมื่อไหร่จะคืน
จากกรณีที่ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีที่เมื่อวันพุธที่ 14 ก.ย.65 ที่ผ่านมา โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ Y12 สีน้ำเงิน ราคาประมาณ 3,500 บาท ที่แม่ซื้อให้ลูกชายเพื่อใช้เรียนออนไลน์ ค้นหาข้อมูลในบางวิชาเรียน และไว้ติดต่อกับผู้ปกครองตอนเลิกเรียนได้หายไป ขณะเสียบชาร์ตไว้ในห้องเรียน จึงให้ลูกชายไปแจ้งความ และใช้แอปพลิเคชันในการติดตามค้นหาตำแหน่งมือถือที่หาย พอเจอพิกัดก็แจ้งตำรวจให้ช่วยติดตามให้ กระทั่งผ่านไป 3 วัน ผอ.โรงเรียนได้นำโทรศัพท์มือถือของลูกชายที่หายไปมาส่งให้ตำรวจ แต่กลับอ้างว่าไม่เจตนาจะเอาไปแค่ยึดไว้ เพราะไม่อนุญาตให้เด็กเอาโทรศัพท์มาโรงเรียน ทั้งบอกให้ลูกชายถอนแจ้งความเดี๋ยวจะเสียชื่อเสียงโรงเรียน โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของลูกชายทั้งที่เป็นฝ่ายเสียหาย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 18 ก.ย. เด็กนักเรียนทั้งระดับชั้น ม.ต้น และ ม.ปลาย ของโรงเรียนดังกล่าวจำนวนหลายคน ได้รวมตัวกันออกมาแฉพฤติกรรมของ ผอ.โรงเรียนคนเดียวกัน โดยให้ข้อมูลว่า ผอ.คนนี้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปทั้งเรื่องทรงผม ห้ามเอาโทรศัพท์ไปโรงเรียน ทั้งที่ครูบางวิชาก็อนุญาต เพราะจะต้องใช้ค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต และชอบยึดของเด็กนักเรียนแล้วไม่ยอมคืนให้ โดยได้เผยคลิปขณะที่ ผอ.เข้าไปยึดเครื่องหนีบผมที่เด็กเอาไปไว้ในห้องเรียน ซึ่งนักเรียนบอกว่าอาจจะผิดกฎระเบียบที่เอาเครื่องหนีบผมไปที่โรงเรียน แต่ ผอ.ยึดไปแล้วก็ไม่ได้แจ้งว่าจะยึดไว้กี่วันและจะคืนให้วันไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คืนให้กับนักเรียน
นอกจากนั้น ยังมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงเกินความเหตุ ด้วยการใช้ไม้ตีทำโทษเด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงหลายคน ที่ออกไปดูกิจกรรมกีฬานอกโรงเรียน เพราะระยะหลังทางโรงเรียนไม่ได้จัดกิจกรรมให้เด็กนักเรียนได้ผ่อนคลายบ้างเรียนอย่างเดียวก็รู้สึกเครียด โดยนักเรียนชั้น ม.4 และ ม.2 บอกตรงกันว่า รับไม่ได้กับการกระทำของ ผอ.ที่เอามือถือของนักเรียนชายชั้น ม.2 ไปโดยไม่แจ้งให้ใครทราบเลย กระทั่งน้องไปแจ้งความและใช้แอปค้นหาตำแหน่งด้วยตัวเองจนจับพิกัดได้ชัดเจน จนผ่านไป 3 วัน ผอ.ก็เอาโทรศัพท์ไปส่งให้ตำรวจ แต่อ้างว่าไม่เจตนา แค่ยึดไว้ ซึ่งนักเรียนมองว่าหากจะยึดโทรศัพท์หรือสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ ที่เด็กนักเรียนเอาไปโดยที่ทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้เอาไป ก็ควรจะตักเตือนแล้วแจ้งให้ทราบว่าจะยึดไว้กี่วันจะคืนให้ตอนไหน ไม่ควรจะเอาไปเลยแบบนี้ ซึ่งไม่สมควรกระทำ
ทั้งนี้ในส่วนของตัว ผอ.หลังจากเจอกันที่บ้านของเด็ก ขณะไปสอบถามข้อมูลกับพ่อแม่เด็ก ผอ.คนที่ถูกกล่าวอ้างถึงก็ได้เดินทางมาที่บ้านเพื่อมาขอเคลียร์กับพ่อแม่ เมื่อผู้สื่อข่าวขอสอบถามรายเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผอ.แจ้งว่ายังไม่สะดวกจะให้ข้อมูล