นายสุชชัพ ชีระชลสุข สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขต 2 อำเภอครบุรี พร้อมด้วย นายอมรวัฒน์ โสบกระโทก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา นำประชาชนจิตอาสา ประมาณ 20 คน ช่วยกันทำความสะอาดและปรับสภาพภูมิทัศน์ลานหิน บริเวณปากทางเข้าวัดเข้าถ้ำเต่าพันปี ตำบลบ้านใหม่ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมผลักดันให้กลายเป็นอันซีนแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอครบุรีและจังหวัดนครราชสีมา

ภายหลังจากที่ตรวจสอบพบว่า พื้นที่บริเวณนี้มีลักษณะพิเศษ โดยพื้นเป็นลานหินทรายขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ มีสภาพถูกกัดกร่อนโดยธรรมชาติ จนเกิดเป็นลวดลายคล้ายลักษณะของคลื่นน้ำที่กลายเป็นทะเลหิน และแตกลายคล้ายกระดองเต่าไปทั่วบริเวณ มองดูสวยงามอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีหลุมหินขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่า “โบก” ลึกกว่า 1 เมตร กระจายอยู่บริเวณลานหินมากกว่า 10 จุด สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่พบเห็น

นายสุชชัพ ชีระชลสุข สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า บริเวณลานหินดังกล่าวนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่และชาวบ้านในพื้นที่หลายคน เรียกกันว่า “เดิ่นหินดาด” เนื่องมีสภาพเป็นลานหินขนาดใหญ่ ซึ่ง “เดิ่น” เป็นภาษาโคราช หมายถึง “ลาน” ขณะที่คำว่า “ดาด” ก็จะมีความหมายในลักษณะเหมือนร่างกายไปถูกสิ่งของที่มีความร้อน เมื่อรวมกันก็จะมีความหมายว่า “ลานหินร้อน“ ซึ่งชาวบ้านที่ทำมาหากินอยู่บริเวณนี้จะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะลานหินแห่งนี้ ยามฝนตกจะมีน้ำขังอยู่ในโบกหรือในหลุมหินต่างๆ พอให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์จากน้ำบริเวณนี้ระหว่างเข้าพื้นที่มาทำการเกษตร เพราะก่อนหน้านี้ชุมชนอยู่ค่อนข้างไกลจากจุดนี้พอสมควร จนมาถึงทุกวันนี้ ก็เริ่มมีผู้คนผ่านมาพบและมองเห็นความสวยงามของลวดลายของลานหิน คล้ายกับคลื่นน้ำที่กลายเป็นหิน รวมถึง มีหลุมหินขนาดใหญ่กระจายอยู่เกือบ 20 หลุม มองดูน่าอัศจรรย์

ภาคประชาชน อาสาสมัคร และหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ จึงมีแนวคิดร่วมกันที่จะผลักดันจุดนี้ให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอครบุรีเพิ่มอีกหนึ่งจุด ในวันนี้จึงมารวมพลังเริ่มต้นทำความสะอาด ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มความสวยงามให้กับ “เดิ่นหินดาด” จะได้เข้าถึงได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนการพัฒนาในขั้นต่อไป จะมีการประสานกับหน่วยงานที่มีความชำนาญ เข้ามาตรวจสอบเอกลักษณ์เฉพาะของพื้นที่ เพื่อให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะสามารถให้องค์ความรู้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมจุดนี้อีกได้ด้วย เพราะเชื่อว่า ลักษณะของลานหินที่มีความสวยงามและแปลกประหลาดเช่นนี้น่าจะมีความสำคัญทางด้านธรณีวิทยาบ้างไม่มากก็น้อย

จากการประสานงาน ส่งภาพถ่าย “เดิ่นหินดาด” ให้ รศ.ดร.อานิสงส์ จิตนารินทร์ อาจารย์ประจำวิชาเทคโนโลยีธรณี สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ดูในเบื้องต้น ก็มีคำอธิบายพอสังเขปว่า ลานหินทรายที่พบมีสภาพดังกล่าวนั้น เป็นผลมาจากกระบวนการผุพังอยู่กับที่ (weathering) ที่เกิดกับหินทราย เมื่อหินทรายโผล่บริเวณพื้นผิวโลก เผชิญกับน้ำและอากาศ จะเกิดการผุพังตามธรรมชาติ ลักษณะเช่นนี้พบได้ทั่วไปบนภูเขาหินทรายในภาคอีสาน และลักษณะดังภาพ เกิดจากการผุพังทางเคมี คาดว่า หินทรายบริเวณนี้อาจมีสารเชื่อมประสานเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ที่ทำให้เกิดการละลายน้ำ แต่การผุพังเกิดขึ้นไม่เท่ากัน และอาจเกิดเนื่องจากชั้นหินทรายมีโครงสร้างชั้นเฉียงระดับ จึงเห็นการผุพังเป็นริ้ว ๆ

ส่วนหลุมลึกน่าจะเกิดจากการผุพังเชิงกล ซึ่งครั้งหนึ่งอาจมีธารน้ำไหลผ่านบริเวณนี้ เม็ดกรวดอาจหลุดเข้าไปในรอยแตกหรือรอยเว้าของหินบริเวณท้องน้ำ และกระแสน้ำทำให้เม็ดกรวดทรายขัดสีจนกลายเป็นหลุม คล้ายการเกิดโบกซึ่ง “เดิ่นหินดาด” อยู่ห่างจากตัวอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ไปทางด้านทิศใต้ ประมาณ 7 กิโลเมตรเท่านั้น ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้า วัดเขาถ้ำเต่าพันปี ตำบลบ้านใหม่ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันยังเป็นที่ดินที่ผู้มีจิตศรัทธามอบให้ทางวัดเป็นผู้ดูแลอยู่ในขณะนี้ หากผู้ใดที่สนใจต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถค้นหาเส้นทางผ่านทางแอปพลิเคชั่นบนมือถือ พิมพ์คำค้นหา “วัดเขาถ้ำเต่าพันปี” ก้จะพบพิกัดที่ตั้งของ “เดิ่นหินดาด” แห่งนี้.