สสว. จับมือ ISMED มอบสิทธิประโยชน์เอสเอ็มอี ผลักดันการขยายช่องทางการตลาด สร้างแต้มต่อผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดสากล ในงานอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย THAIFEX – ANUGA ASIA 2024

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้ดำเนินงานพัฒนาสิทธิประโยชน์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ภายใต้แนวคิด “SME Privilege Club คลับพิเศษเฉพาะ SME”

โดยมุ่งเน้นใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ ด้านการเพิ่มผลิตภาพ/ลดต้นทุน ด้านการขยายช่องทางการตลาด และด้านการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งในการประกอบธุรกิจ รวมถึงพัฒนาการให้บริการผู้ประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นางสาวปณิตา กล่าวต่อว่า ภายใต้กิจกรรมพัฒนาสิทธิประโยชน์ด้านการขยายช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ MSME ปี 2567 สสว. ได้มอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าร่วมงานแสดงสินค้า THAIFEX – ANUGA ASIA ภายใต้ธีมงาน SME Food Forward ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ วันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วม 4 กลุ่มประเภทสินค้า จำนวน 20 กิจการ ได้แก่ 1. บริษัท แทพ เทรดดิ้ง จำกัด 2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ออแกนิกเอฟแอนด์ดี 3. บริษัท เบนเดคส์ จำกัด 4. บริษัท กลุ่มแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรสามร้อยยอด จำกัด 5. บริษัท คริสปี้ เวจ แอนด์ ฟรุ๊ต จำกัด 6. บริษัท เอดีเอฟ กรุ๊ป จำกัด 7. บริษัท ไนน์ เพชรบูรณ์ เทรดดิ้ง จำกัด 8. ห้างหุ้นส่วนจำกัด วันใหม่ 29 9. บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด 10. บริษัท ไซอะมีส เฮลตี้ เฮอเบิล ที จำกัด

11. บริษัท แซ่บจี๊ด จำกัด 12. บริษัท หัวปี ท้ายปี จำกัด 13. ห้างหุ้นส่วนจำกัด เชียงใหม่ พีเอส 2554 14. บริษัท เซาท์เทอร์น ซีฟูด โปรดักส์ จำกัด 15. บริษัท มอร์นิ่ง มีล จำกัด 16. บริษัท แม็กนั่ม เทรดดิ้ง จำกัด 17. บริษัท เควายเอ็น บิสซิเนส จำกัด 18. บริษัท นอร์ทเทิร์นกรีนโปรดักส์ จำกัด 19. บริษัท อิมเพรสซี่ จำกัด 20. บริษัท ไซน์ชายน์ จำกัด

ในปีนี้ สสว. มอบสิทธิประโยชน์ด้วยการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เข้าร่วมงานอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 รวม 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food), กลุ่มสินค้าอาหารเกษตร จากธรรมชาติ 100% (Nature Agri-food), กลุ่มสินค้าอาหารอนาคต (Future Food) และ กลุ่มสินค้าอาหารออร์แกนิก (Organic Food) เพื่อส่งเสริมด้านการขยายช่องทางการตลาด ต่อยอดด้านการส่งออก เพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ สร้างโอกาส และสร้างเครือข่ายกับผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายภาคส่วน สู่การนำไปต่อยอดขยายผลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างรายและยกระดับกิจการผู้ประกอบการให้มีความยั่งยืน

“สสว. ยังคงเดินหน้าแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร และร่วมกันใช้ศักยภาพความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในการสนับสนุน ส่งเสริม ผู้ประกอบการทั้ง 3 ด้าน โดยมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้แก่ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งหนุนเสริมให้เกิดการพัฒนาครบทุกด้าน

โดยนอกจากสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากการลงนาม MOU ของ สสว. กับหน่วยงานต่างๆ แล้ว ยังมีบริการอื่นๆ ของ สสว. ที่ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ผ่านแอปพลิเคชัน SME CONNEXT ซึ่งใช้การยืนยันตัวตนด้วย SME ONE ID อาทิ การสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ SME-GP, SME Academy 365, SME ONE, SME COACH และ OSS หรือศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

สสว. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) ของประเทศ จะเดินหน้าดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ (Vision) พ.ศ. 2566-2570 “เป็นผู้ชี้นำในการขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพ MSME สู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน” พร้อมสนับสนุนและเคียงข้างผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ต่อเนื่องตลอดไป” รักษาการแทนผู้อำนวยการ สสว. กล่าว