มูลนิธิปวีณาร่วมกับตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จับ ผู้อำนวยการโรงเรียน และครูเกษียณอายุ ราชการ ในจังหวัดขอนแก่น ซื้อบริการทางเพศกับเด็กในโรงเรียนตัวเอง มาแล้วมากกว่า 2 ครั้ง

 

นางปาวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พลตำรวจตรีศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม การค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์กับเด็กวัยใส ในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งสามารถจับกุมได้ทั้งนายหน้าและผู้ซื้อบริการ

พันตำรวจเอก ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ ขยายผลมาจากการเข้าไปช่วยเหลือเด็ก อายุ 12 ปี ที่ ผู้ปกครองได้เข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา จนสามารถจับกุม นางสาววันทนานนท์ หรือติ๊ก อายุ 26 ปี ผู้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า ต่อมาตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ได้ทำการสืบสวนขนายผลจนสามารถจับกุมนายสิทธิพร หรือหนึ่ง และนางดาวเรือง เจ้าของรีสอร์ท 2 แห่งใน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นนายหน้าเช่นกัน และได้ช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี จำนวน 2 คน ที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณี

จากการสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือของนายหน้าทั้ง 2 คน พบข้อมูลการซื้อบริการทางเพศเด็กอายุ 12 ปี จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายพจน์ หรือ แดง อายุ 58 ปี อำนวยโรงเรียนชั้นประถม แห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น และ นายพิชัย หรือเฮียหมี อดีตข้าราชการครูเกษียณ ในความผิดฐาน เป็นธุระจัดหารไปหรือชักพาไปให้เพื่อบุคคลกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม ซึ่งจากพบข้อมูลว่าผู้ต้องหา เคยซื้อบริการทางเพศกับเด็กมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง และเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนตัวเอง

ด้านพันตำรวจตรี เกียรติบดินทร์ วงค์งาม สารวัตรกอง 3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำในเบื้องต้นผู้เสียหายให้การว่า ตนมีความรู้สึกสนิทสนมกับนางสาวติ๊ก โดยนางสาวติ๊กได้ใช้ประโยชน์จากความสนิทสนม ชักชวนให้มาทำงานในลักษณะนี้ โดยอ้างว่าหากมาทำงานด้วยจะได้รับค่าตอบแทน เพื่อนำไปซื้อสินค้าที่ต้องการ เมื่อเด็กหลงจะพาเด็กเป็นนายหน้าคอยส่งเด็กไปให้กับผู้ซื้อบริการที่ต้องการ ซึ่งค่าตัวเด็ก 1 คนจะอยู่ที่ราคา 1,200 บาท ดูนางสาวติ๊กจะหักค่าหัวคิวคนละ 400 บาทต่อการขายบริการ 1 ครั้ง

ด้าน นางปวีณา เปิดเผยว่า สำหรับเด็กที่ให้การช่วยเหลือทั้ง 3 คน ขณะนี้อยู่ในคุ้มครองของบ้านเกร็ดตระการ เพื่อดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจ พร้อมทั้งยังได้ประสานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อให้เด็กกลับ/กศึกษาต่อ และจะดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับผู้อำนวยการโรงเรียนที่ซื้อบริการ