จากกรณีกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ จับกุม นายสมบัติ อายุ 47 ปี ในความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” ได้ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.308 ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีรถบรรทุกน้ำมันดีเซล 15,000 ลิตร เป็นของกลางในคดี ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิตรายหนึ่ง โทรศัพท์มาขอเจรจาไม่ให้ดำเนินคดีกับนายสมบัติ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น

ต่อมา นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้สั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน ให้ได้ข้อสรุปภายใน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2566

ล่าสุด วันที่ 15 มิ.ย.2566 นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล โดยที่มีการกล่าวอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิต โทรมาเจรจาเพื่อไม่ให้ดำเนินคดี ซึ่งจากการสืบสวนข้อเท็จจริง คือ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต (ระดับชำนาญการพิเศษ) เป็นผู้ที่ติดต่อไป โดยมีการสั่งพักราชการ ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.2566 และ เตรียมดำเนินการเอาผิดทางวินัยร้ายแรงต่อไป

นอกจากนี้ ได้มีการทำหนังสือไปถึงตำรวจทางหลวงเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อมาขยายผลเอาผิดกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่า ได้รับหลักฐานเป็นบันทึกเสียงสนทนาเรื่องน้ำมันเถื่อนคดีนี้ ที่เชื่อมโยงไปถึงข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพสามิตคนหนึ่งชื่อเล่นว่า “ยุทธ” ถ้ามีหลักฐานเอาผิดได้ กรมจะดำเนินการทั้งหมด โดยอธิบดีได้สั่งการชัดเจน ไม่มีละเว้น และให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด

นายเกรียงไกร กล่าวว่า แนวทางดำเนินการกับเรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เกี่ยวข้อกับกรม คือ การสั่งพักงาน และ ดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการ ขณะที่หากพบว่ามีหลักฐาน พยาน ชัดเจน ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ระดับรองอธิบดีสรรพสามิต ก็ต้องมีการเสนอไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อเอาผิดตามระเบียบราชการต่อไป

สำหรับ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำมันดีเซล 15,000 ลิตร จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถที่มีการบรรทุกน้ำมันเถื่อนจริง ในส่วนของกรมได้ดำเนินการจับ เรียกเทียบปรับ กับนายสมบัติ ตามที่ปรากฏในข่าว เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป