จากคดีฆาตกรรมอำมหิต น.ส.วรรณา ตันติวณิชย์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าร่มโพธิ์ รีไซเคิล เลขที่ 187/47 หน้าหมู่บ้านร่มโพธิ์ ถนนบางกรวยไทรน้อย หมู่ 1 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกคนร้ายจับมัดมือมัดเท้าด้วยสายไฟแล้วลงมือฆ่าปาดคออย่างโหดเหี้ยม ชิงสร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท ก่อนจัดฉากจุดไฟเผาร้านคลอกศพอำพรางคดี หลังเกิดเหตุตำรวจคาดว่านายพงษ์ภัทร หรือแจ๊ค จันทรเสนา อายุ 35 ปี อดีตลูกจ้างและเป็นญาติฝ่ายสามีผู้ตายอยู่ในข่ายต้องสงสัยมากที่สุด ก่อนรวบรวมหลักฐานขอหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีติดตามไล่ล่าตัวมาดำเนินคดี

ล่าสุดตำรวจตามลากคอฆาตกรโหดฆ่าปาดคอ สาวเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าได้แล้ว โดยที่ สภ.บางบัวทอง เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พ.ค.พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี และ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ร่วมกันแถลงจับกุมนายพงษ์ภัทร หรือแจ๊ค จันทรเสนา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 12 ต.อุ้มจาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาฆ่านางวรรณา ตันติวณิชย์ พร้อมของกลางสร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท ที่ผู้ต้องหานำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งใน ต.บางโพธิ์เหนือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และรถ จยย.ฮอนด้า โซนิค สีแดง-ดำ ทะเบียน กพต 160 ศรีษะเกษ

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุสั่งการให้ พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 และ พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.1 บก.สส.ภ.1 นำทีมสืบสวนลงพื้นที่ลงไปคลี่คลายคดีร่วมกับตำรวจสืบสวน ภ.จ.นนทบุรี และ สภ.บางบัวทอง จากการรวบรวมพยานหลักฐานมั่นใจว่า นายพงษ์ภัทรผู้ตายที่เป็นหลานเขยสามีผู้ตาย เคยทำงานอยู่ที่ร้านรับซื้อของเก่า แต่มีพฤติกรรมชอบลักข้าวของในร้าน ล่าสุดแอบขโมยทองแดงไปขายจนถูกจับได้และโดนไล่ออก เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายถูกนายพงษ์ภัทรฆ่าชิงทรัพย์แล้วเผาร้านอำพรางศพ ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมาชุดสืบสวนตามไปรวบตัวผู้ต้องหาขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเลขที่ 11 หมู่ 5 ต.บางพลี อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และตามไปยึดทองของกลางที่นำไปขายให้กับร้านทอง คุมตัวมาสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

จากการสอบสวนนายพงษ์ภัทร ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตั้งใจจะเข้าไปขโมย ของในร้าน แต่ น.ส.วรรณา ผู้ตายตื่นมาพบแล้วโทรศัพท์ ไปบอกสามีเป็นญาติเมีย กลัวว่าจะถูกแจ้งความตำรวจจับดำเนินคดี ตรงเข้าไปแย่งโทรศัพท์มือถือผู้ตายร้องตะโกนให้คนช่วย ใช้ผ้าอุดปากไม่ให้ส่งเสียงดัง แล้วใช้สายไฟมัดมือมัดเท้าก่อนใช้มีดปาดคอจน เสียชีวิต ปลดสร้อยข้อมือ นำเทียนมาจุดไฟเศษกระดาษลุกลามไหม้ร้านคลอกศพผู้ตายเพื่ออำพรางคดี ก่อนหลบหนีนำทองไปขายได้เงินมา 29,000 บาท เอาไปใช้หนี้การพนันและซื้อยาบ้ามาเสพ กระทั่งถูกตำรวจติดตามจับกุมได้ดังกล่าว

หลังสอบปากคำตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ โดยมีญาติผู้ตายทราบข่าวพากันไปมุงดูและหวิดจะเข้ารุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธแค้น เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกลับโรงพักทันที ด้าน พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัตินายพงษ์ภัทร ผู้ต้องหาเคยต้องโทษมาแล้ว 4 ครั้ง คดีแรกปี 2550 ข้อหาจำหน่ายยาเสพติด ท้องที่ สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี คดีที่สองปี 2556 ข้อหาลักทรัพย์ ท้องที่ สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี คดีที่สามปี 2557 ข้อหาลักทรัพย์ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีที่สี่ปี 2564 ข้อหาลัก ทรัพย์ สภ.เมืองอุดรธานี กระทั่งมาทำงานกับญาติที่ร้านรับซื้อของเก่าก็ยังมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยจนถูกไล่ออกก่อนย้อนกลับมาก่อเหตุสยองดังกล่าว