พายุฤดูร้อนพัดถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมาเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งที่ตำบลโบสถ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ความรุนแรงของพายุฤดูร้อนได้พัดกระโชกเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 มีนาคม 2566 ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้ม กีดขวางเส้นทางจราจร มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมถึง โรงเรียนบ้านหนองจิก ม.10 ตำบลโบสถ์ ลมถูกลมพายุพัดหอบเอาหลังคาของอาคารเรียน 2 ชั้นปลิวสูญหาย ทำให้ฝนตกลงมาใส่อุปกรณ์การเรียนการสอนได้รับความเสียหาย
ส่วนที่อำเภอบัวใหญ่ พายุฤดูร้อนได้พัดถล่มบ้านเรือนเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (28 มีนาคม 2566) ที่บ้านโสกงูเหลือม ตำบลขุนทอง อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยลมพายุได้พัดกระโชกอย่างรุนแรงประมาณ 10 นาที ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง และหลังคาบ้านเรือน – สิ่งปลูกสร้างปลิวสูญหาย ทางผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ฯ กำลังเร่งสำรวจความเสียหายในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งมีรายงานเบื้องต้นจากตำบลห้วยยาง ที่เป็นตำบลข้างเคียง ว่า มีบ้านเรือนกว่า 20 หลัง และวัด ถูกพายุถล่มได้รับความเสียหายด้วย
ล่าสุดวันนี้ (29 มีนาคม 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ที่โรงเรียนบ้านหนองจิก ตำบลโบสถ์ อำเภอพิมาย ว่า นายจิรัฏฐไชย จี่พิมาย นายอำเภอพิมาย ได้มอบหมายให้นายปุญญพัฒน์ บุญมาก ปลัดอำเภอพิมาย พร้อม อส.ฝ่ายปกครองอำเภอพิมาย ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อให้ความช่วยเหลือแล้ว หลังได้รับแจ้งจากนางนัชชา ชาญชัยภูวดล ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านหนองจิก ซึ่งพายุได้พัดถล่มหลังคาอาคารเรียน 2 ชั้น หลุดหายไปทั้งแถบ ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาไหลทะลุลงมาถึงห้องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ด้านล่าง ได้รับความเสียหาย 20 เครื่อง และยังมีโต๊ะ-เก้าอี้-หนังสือการเรียนการสอนได้รับความเสียหาย
เช่นเดียวกับหลังคาห้องน้ำห้องส้วมนักเรียนก็พังเสียหายด้วย และยังมีอีกหลายรายการที่อยู่ระหว่างการรวบรวมตรวจสอบความเสียหาย เพื่อรายงานขอความช่วยเหลือเยียวยาไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 ซึ่งโรงเรียนชุมชนบ้านหนองจิก มีนักเรียนทั้งหมด 314 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ม.3 โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ยังไม่เปิดเรียน จึงไม่มรเด็กนักเรียนหรือครูได้รับอันตรายจากพายุฤดูร้อน
ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ใน ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายพิสิทธิ์ เพ็ญสุข ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 พร้อมด้วย นายปุญญพัฒน์ บุญมาก ปลัดอำเภอพิมาย ได้ออกสำรวจความเสียหาย ซึ่งพบว่า ม.10 มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 30 หลัง , ม.9 เสียหาย 60 หลัง , ม.22 เสียหาย 3 หลัง และ ม.6 เสียหาย 10 หลัง เบื้องต้นรวมเสียหายไปแล้ว 103 หลัง .