สำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผย รายงานใหม่ของของบริษัท IQAir ซึ่งคอยสังเกตการณ์คุณภาพอากาศทั่วโลกพบ ระบุว่า กว่า 90% ของประเทศและดินแดนทั่วโลก มีค่าความหนาแน่นของ PM2.5 หรือ ฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน โดยเฉลี่ยต่อปี เกินกว่ามาตรการฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด
IQAir วิเคราะห์คุณภาพอากาศโดยเฉลี่ยของ 131 ประเทศและดินแดนทั่วโลก และพบว่ามีเพียง 6 ประเทศคือ ออสเตรเลีย, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, เกรนาดา, ไอซ์แลนด์ และนิวซีแลนด์ กับอีก 7 ดินแดนในแปซิฟิกกับแคริบเบียนซึ่งรวมถึง เกาะกวมกับปอร์โตริโกเท่านั้น ที่มีคุณภาพอากาศ “ดี” หรือมี PM2.5 เฉลี่ยไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ 7 ประเทศได้แก่ ชาด, อิรัก, ปากีสถาน, บาห์เรน, บังกลาเทศ, บูร์กินาฟาโซ, คูเวต และอินเดีย มีคุณภาพอากาศ “เลวร้าย” หรือมี PM2.5 หนาแน่นเฉลี่ยสูงกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
รายงานของ IQAir มุ่งเน้นไปที่การตรวจวัด PM2.5 ซึ่งเป็นสารมลพิษขนาดเล็กที่สุดแต่ก็อันตรายที่สุด เมื่อหายใจเข้าไปมันจะเดินทางลึกไปถึงเนื้อเยื่อปอด ก่อนจะเข้าสู่กระแสเลือด ต้นกำเนิดของ PM2.5 มาจากกระบวนการสันดาปของเชื้อเพลิงฟอสซิล, พายุฝุ่น หรือไฟป่า มีความเชื่อมโยงกับโรคมากมายเช่น หอบหืด, โรคหัวใจ และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ
ตามการเปิดเผยของสหประชาชาติ ประชากรหลายล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะทางอากาศ โดยในปี 2559 มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรอันมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับ PM2.5 ถึง 4.2 ล้านคน