ขอนแก่น-นักศึกษาแพทย์ปี 5 ม.ขอนแก่น อายุ 25 ปี ขับรถเก๋งพุ่งชนเสาป้ายทางลอด แล้วไปชนรถกระบะ 2 คัน ก่อนพุ่งเข้าร้านขายน้ำมันหล่อลื่นริมถนนมิตรภาพถูกอัดก๊อบปี้ตายคาเบาะ เหตุเกิดหลังเที่ยงคืน คาดขับเร็วรถเสียหลัก หรืออาจหลับใน
เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 7 ก.พ. 2566 ร.ต.อ.จิรกฤต พินิช รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ” แก่นนคร 191″ สภ.เมืองขอนแก่นว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนทรัพย์สินผู้อื่น มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เหตุเกิด หน้าร้าน ส.ปิโตรเลียม ใกล้กับทางลอดถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้าเมืองขอนแก่น หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยไปยังจุดเกิดเหตุ และประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ร่วมชันสูตรศพผู้ตาย และรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋งนิสสัน เทียน่า สีขาว ทะเบียน กก -254 เบตง ข้างรถฝั่งคนขับ ชนติดอยู่กับเสาของร้าน ส.ปิโตรเลียม ขายน้ำมันหล่อรื่น ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 1/162-164 ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยเสาของร้านแตกร้าว กระจกแตกและประตูเหล็กยืดพังเสียหาย แกลลอนน้ำมันในร้านกระจายไปทั่วบริเวณ โดยที่เบาะคนขับพบร่างคนเสียชีวิตคาเบาะรถ ทราบชื่อต่อมาคือนายพรพิพัฒน์ อุทธิเสน อายุ 25 ปี ที่อยู่ 123/2000 ม.16 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.สภาพศพ คอหัก แขนขาหัก เลือดกระจายเต็มรถ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย ต้องใช้เครื่องตัดถ่าง ตัดชิ้นส่วนซากรถ เพื่อเอาร่างคนตายออกมา โดยพบเสื้อแขนยาวสีขาว ที่หน้าอกปักชื่อ นศ.พ.พรพิพัฒน์ อุทธิเสน แขวนไว้ที่ข้างประตูหลังคนขับ และพบแฟ้มสีดำ ข้างในแฟ้มเป็นเอกสารที่เขียนบันทึกด้วยปากกา เป็นรายละเอียดการบันทึกการตรวจร่างกายผู้ป่วย และหัวกระดาษในแฟ้มยังพิมพ์คำว่ากลุ่มงานกุมารเวช รพ.ขอนแก่น รวมทั้งมีกล่องแมส และกางเกงยีนส์ขายาว วาวอยู่ที่เบาะหลังคนขับ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุ พบเสาป้ายทางลอด ซึ่งเป็นเสาเหล็กขนาดใหญ่สูงประมาณ 10 เมตร ล้มอยู่ข้างรถคนตาย และพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ เชฟโลเล็ต สีเทา ทะเบียน ยก-1238 ขอนแก่น และกระบะ เชฟโลเล็ต สีขาว ทะเยียน ผห-9610 ขอนแก่น จอดอยู่ริมถนนหน้าร้านไฟแนนซ์ ห่างจากร้านขายน้ำมันหล่อรื่นไปประมาณ100 เมตร ถูกชนท้าย รถพังเสียหาย
ภายหลังจากตรวจที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแพทย์นิติเวช ร่วมกันชันสูตรศพคนตาย และมอบศพให้มูลนิธิ ขอนแก่น สว่างสามัคคีอุทิศ นำศพไปที่นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ เพื่อรอญาติมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุที่หน้าร้าน ส.ปิโตรเลียม เลขที่ 1/162-164 ริมถ.มิตรภาพมุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่ง เปิดเป็นร้านจำหน่ายน้ำมันหล่อรื่น ก็ยังพบรถเก๋งคันเกิดเหตุยังอยู่ที่เดิมในสภาพเสียหายยับเยิน อัดก๊อปปี้กับมุมเสาของร้าน ในรถพบคราบเลือดเต็มห้องโดยสาร ถุงลมนิรภัยทำงานปกติ
นายสมบัติ สมศิริตระกูล อายุ 69 ปีเจ้าของร้านส.ปิโตรเลียม กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุนั้นไม่มีคนอยู่ที่ร้าน เนื่องจากพักอยู่อีกแห่งเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างร้านได้โทรศัพท์ไปบอกว่าเกิดอุบัติเหตุที่ร้านมีทรัพย์สินที่ร้านเสียหาย จึงได้ออกมาดู ก็เห็นความเสียหายเกิดขึ้น แต่ไม่สามารถประเมินได้ กระทั่งช่วงเช้าจึงได้ประสานช่างเข้ามาประเมินความเสียหายต่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ส่วนในร้านซึ่งขายน้ำมันหล่อรื่น มีทั้งแกลลอนเล็กและแกลลอนใหญ่ ในส่วนที่เสียหายเป็นแกลลอนใหญ่ ขนาด 18 ลิตรได้รับความเสียหายไปบางส่วน เสาและอาคาร และประตูเสียหายหนักมาก รอให้ทางผู้รับผิดชอบ เอารถคันเกิดเหตุออกก่อน จึงจะประเมินค่าความเสียหายทั้งหมดโดยรวมได้
ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน กก- 245 เบตง ชนติดอยู่กับบ้านเลขที่ 1/162-164 ถนนมิตรภาพ และคนขับรถเก๋งคือนายพรพิพัฒน์ เสียชีวิตติดอยู่ภายในซากรถ ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นนักศึกษาแพทย์ มข.ชั้นปีที่ 5 ได้ขับรถจากซอยกังสดาล ใกล้ มข.มุ่งหน้าเข้าในเขตเทศบาลนครขอนแก่น คาดว่าน่าจะขับรถด้วยความเร็วสูงหรือมีอาการหลับใน จนเกิดอุบัติเหตุ และน้องนักศึกษาแพทย์ก็เสียชีวิต ทั้งทรัพย์สินผู้อื่นก็เสียหาย หลังตรวจที่เกิดเหตุ จึงให้เจ้าหน้าที่กูชีพกู้ภัยต้องนำเครื่องตัดทางงัดร่างผู้เสียชีวิตออกมาก็ทำการชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ ก่อนส่งศพไปที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์
“ทั้งยังพบว่ามีรถยนต์กระบะ ที่จอดอยู่ริมถนนมิตรภาพ อีกจำนวน 2 คัน ก็ถูกเฉี่ยวชน ได้รับความเสียหาย เสาป้ายบอกทางขนาดใหญ่ 1 ต้น ถูกชนล้มได้รับความเสียหาย และอาคารร้านจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นและทรัพย์สินภายในร้านได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ซึ่งทางเจ้าของร้านอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายทั้งหมด รวมทั้งประสานเจ้าของรถยนต์กระบะ 2 คัน และ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประเมินความเสียหายของเสาทางลอด และจะได้ตรวจสอบว่า รถเก๋งมีประกันภัยหรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”