ประธานรัฐสภา ชี้ต้นไทรโบราณหน้ารัฐสภาล้ม เพราะรากเปื่อยแต่ยังไม่ตาย แนะขอเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้จะมาตรวจสอบอีกครั้ง
23 ก.ค. 65. มีรายงานจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายปรีชา ชวลิตธำรง ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คณะผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนผู้อำนวยการงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาของบริษัท ชิโนไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตรวจสอบความเสียหายของต้นไทรโบราณ เนื่องจากถูกพายุฝนถล่ม เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 65 เป็นเหตุทำให้ต้นไทรโบราณที่ปลูกอยู่บริเวณสนามหน้าอาคารรัฐสภา ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร โค่นล้มลงมา 2 ต้น
ต้นไทรโบราณหน้ารัฐสภาล้ม/Cr.วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
โดยประธานรัฐสภา กล่าวว่า บริเวณนี้เป็นไม้ไทรเดิม และไม้ไทรใหญ่ดั้งเดิม ตนในฐานะที่เป็นนักปลูกต้นไม้ได้ดูแล้วพบว่ารากเปื่อยทำให้เห็นถึงความเก่าแก่ ซึ่งต้นไทรยังไม่ตาย เพราะกิ่งที่ห้อยลงมาก็จะแตกต่อได้ แต่ต้นที่ล้มดูจากรากแล้วเป็นต้นเก่าแก่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้จะมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าจะสามารถฟื้นได้อย่างไร โดยต้นไม้ที่ล้มนั้น เป็นธรรมชาติของต้นไม้ ธรรมชาติไม่ยั่งยืนตลอดไป อายุของต้นไม้ก็เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ กลุ่มต้นไทรดังกล่าวเป็นต้นไทรโบราณที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์และสื่อความหมายถึงพันธุ์ไม้โบราณของไทยที่มีคุณค่า และเป็นต้นไม้เดิมก่อนที่จะมีการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งตามสัญญาก่อสร้างเดิมกำหนดว่าต้นไม้ในบริเวณที่ต้องขุดไปอนุบาลจะต้องดูแลรักษาให้มีชีวิตรอด แล้วนำกลับมาปลูกตามตำแหน่งแบบแปลนที่ได้รับการอนุมัติภายหลัง โดยกลุ่มต้นไทรนี้ถูกขุดล้อมนำออกไปก่อนหน้านี้ และนำกลับมาปลูกใหม่อีกครั้ง หลังจากมีการปรับภูมิทัศน์ด้านบนและก่อสร้างลานจอดรถชั้นใต้ดินใต้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่แล้ว ซึ่งมีการรักษาระบบรากและค้ำยันไว้ จนเมื่อเกิดพายุลมฝนอย่างรุนแรงเมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา จึงทำให้ล้มลง