เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถนนพิษณุโลก แขวง/เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นายพชร พูลเจริญภักดี ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาลไทย พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว องค์กรปกครองท้องถิ่น ท้องที่เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร กลุ่มชุมชนชายฝั่ง กลุ่มประมงท้องถิ่น และเครือข่ายประมงพื้นบ้าน ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร หลังทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ้างว่าบริเวณพื้นที่โดยรวมดังกล่าวมีความเสื่อมโทรม จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการคุ้มครองพื้นที่ โดยกลุ่มชาวบ้านมองว่าการจะออกร่างกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาไม่มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ และการออกร่างประกาศกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมขาติและสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีการแจ้งให้ประชาชนได้ทราบลวงหน้า

แต่อย่างใด จึงได้มาร้องเรียนขอให้ท่านนายกฯได้ช่วยเหลือในการประสานท่านประธานคณะกรรมการการจัดที่ดินแห่งชาติได้โปรดพิจารณาทบทวนใหม่ พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือขอให้กำลังใจต่อท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการออกนโยบายช่วยเหลือชาวนา เกษตรกร และประชาชนทุกระดับ โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนต มารับหนังสือแทน

ด้าน นายสมโชค พันธุรัตน์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุุมชน อ.ประทิว จ.ชุมพร กล่าวว่า ผมในนามตัวแทนชาวบ้านต้องขอขอบคุณท่านนายกฯ ในการส่งเสริมจัดการฐานรากของชุมชน ด้วยมติ ครม. ที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในส่วนภาคชุมชนเองเขามองว่าด้านกฏหมายในเรื่อง การควบคุมป่าไม้ก็ดี ประมงก็ดี มันก็มีมากพออยู่แล้วสำหรับพี่น้องชุมชนชายฝั่ง เท่าที่ตนดูมามีประมาณ 6 ตัว ของ ครม.ที่มีเกณฑ์อยู่ ถ้ามีพื้นที่คุ้มครองเพิ่มไปอีก มันอาจจะส่งผลกระทบในกิจกรรมต่างๆที่ทับซ้อนก็เป็นได้