รศ. ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพลศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า จากผลสำรวจเรื่อง คนอีสานกับการเลือกตั้งครั้งหน้า ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างคนอีสานส่วนใหญ่คาดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี ชอบระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ มากกว่าแบบ 1 ใบ เชื่อว่าหากกฎหมายเลือกตั้งไม่พร้อมมีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งจะถูกยืดเวลาออกไป แนะ ส.ว. ควรโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส. ได้เกิน 250 คน กว่าครึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวกับการติดต่อจ่ายเงินของหัวคะแนน พรรคไทยสร้างไทยจะเป็นตัวตัดคะแนนการชนะแบบถล่มทลายของพรรคไทยสร้างไทย พรรคที่ได้รับคะแนนนิยม 5 อันดับแรก คือพรรคเพื่อไทย ,ก้าวไกล ไทยสร้างไทย ,พรรคที่พลเอกประยุทธ์สังกัด และภูมิใจไทย ตามลำดับ

“การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานกับการเลือกตั้ง สส. ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,063 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า ท่านคาดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปีหรือไม่อย่างไร พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 71.1 เชื่อว่า รัฐบาลจะอยู่ครบวาระ 4 ปี รองลงมาร้อยละ 13.2 เชื่อว่าจะมีการยุบสภาช่วงเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ 2566 ตามมาด้วย ร้อยละ 10.6 เชื่อว่าจะยุบสภาใกล้วันที่ 23 มีนาคม 2566 และมีเพียงร้อยละ 5.1 ที่เชื่อว่าจะมีการยุบสภาปลายปีนี้ เมื่อสอบถามว่า ท่านต้องการเลือกตั้งในระบบบัตร 1 ใบหรือบัตร 2 ใบพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 71.0 ต้องการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เลือกคนและพรรคแยกกัน และ ร้อยละ 29.0 ต้องการเลือกตั้งแบบบัตร 1 ใบ เลือกทั้งคนและพรรครวมกัน

“เมื่อสอบถามว่า ท่านคิดว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่การเลือกตั้งอาจจะยืดเวลาออกไปหากกฎหมายเลือกตั้งไม่พร้อมพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 63.0 เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งอาจจะยืดเวลาออกไป และ ร้อยละ 37.0 เชื่อว่า มีโอกาสต่ำที่จะยืดเวลาและน่าจะได้เลือกตั้งตามกำหนดการปกติ

เมื่อสอบถามว่า ในการโหวตเลือกนายกครั้งหน้า ส.ว. ส่วนใหญ่ควรวางตัวอย่างไรพบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 75.2 เห็นว่า ส.ว. ควรโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส. ได้เกิน 250 คน และ ร้อยละ 24.8 เห็นว่า ถ้าจำเป็น ส.ว. อาจโหวตให้พรรคที่รวบรวมเสียง ส.ส. ได้ไม่ถึง 250 คน เมื่อสอบถามว่า ในการเลือกตั้ง สส. ครั้งที่แล้วท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับเงินจากหัวคะแนนผู้สมัครหรือไม่ พบว่า ร้อยละ 43.7 ไม่มีประสบการณ์ รองลงมา ร้อยละ 33.3 มีประสบการณ์รับเงินแต่เลือกตามความชอบ ตามมาด้วยร้อยละ 12.9 มีประสบการณ์แต่ปฏิเสธการรับเงิน ร้อยละ 7.6 มีประสบการณ์รับเงินและเลือกคนที่ให้เงินมากที่สุด และ ร้อยละ 2.5 ระบุอื่นๆ โดยรวมแล้วมีประมาณร้อยละ 53.8 ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการติดต่อจ่ายเงินของหัวคะแนน”

รศ.ดร.สุทิน กล่าวต่ออีกว่า เมื่อสอบถามว่า พรรคการเมืองใดจะเป็นอุปสรรคหรือตัวตัดคะแนนสำคัญในการชนะแบบถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดของท่านพบว่า ร้อยละ 47.6 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย รองลงมาร้อยละ 19.7 เป็นพรรคที่พลเอกประยุทธ์สังกัด ตามมาด้วยร้อยละ 18.7 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 12.5 ระบุว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย และพรคคอื่นๆ ร้อยละ 1.5 เมื่อสอบถามว่า ถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้พรรคใด พบว่า อันดับ 1 เป็น พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 32.0 รองลงมาพรรคก้าวไกล ร้อยละ18.0 อันดับ 3 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 16.8 ตามมาด้วยพรรคที่มีพลเอกประยุทธ์สังกัด ร้อยละ 10.6 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 9.7 พรรคพลังประชารัฐ (ที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์) ร้อยละ 5.4 พรคคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.0 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 2.0 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 2.5

“ เมื่อสอบถามว่า ถ้าเลือกตั้ง ส.ส. วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน สส. แบบเขต ให้ผู้สมัครจากพรรคใด พบว่า อันดับหนึ่งเป็น พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 36.3 รองลงมาพรรคก้าวไกล ร้อยละ16.1 อันดับ 3 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 13.3 ตามมาด้วยพรรคที่มีพลเอกประยุทธ์สังกัด ร้อยละ 10.8 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 10.3 พรรคพลังประชารัฐ (ที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์) ร้อยละ 5.5 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 2.9 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.7 และพรรคอื่นๆ ร้อยละ 3.1เมื่อสอบถามต่อว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 เป็นของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 24.9 รองลงมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 20.1 อันดับ 3 คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 17.5 ตามมาด้วยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 11.0 คุณอนุทิน ชาญวีรกุล ร้อยละ 9.7 คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 4.0 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 3.4 คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ร้อยละ 3.1 และอื่นๆ ร้อยละ 3.0”