นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเปิดโครงการจ่ายเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 4 พร้อมด้วยสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมชาวนาข้าวไทยและสมาคมส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสานว่า
นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ในพืช 5 ชนิดคือ ข้าว มัน ยาง ปาล์มและข้าวโพดเดินหน้ามาถึงปีที่ 4 วันนี้จะคิกออฟการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รวมทั้งเริ่มต้นโครงการคู่ขนานหรือมาตรการคู่ขนานช่วยยกระดับราคาข้าวในตลาด เริ่มจ่ายเงินไร่ละ 1,000 บาท ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอและที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ โครงการประกันรายได้ทำต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เข้าสู่ปีสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้
“ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวนาทุกคนที่รอคอยทั้งเงินส่วนต่าง มาตรการคู่ขนานและเงินไร่ละ 1,000 บาท ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ต้องจ่ายงวดแรกตั้งแต่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่กระบวนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต้องใช้เวลา ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เกือบ 2 เดือน เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว จ่ายเงินทีเดียว 6 งวด จากนี้จะไปเริ่มงวดที่ 7 ต่อไป จนถึงงวดที่ 33” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-31 ตุลาคม และภาคใต้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน-28 กุมภาพันธ์ 2566 งบประมาณทั้ง 3 โครงการ ทั้งเงินส่วนต่าง จากโครงการประกันรายได้ มาตรการลดต้นทุนไร่ละ 1,000 บาท และมาตรการคู่ขนาน รวมทั้งสิ้น 81,265 ล้านบาท การจ่ายเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ งวด 1-6 ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 75% ของทั้งหมด การช่วยค่าเพาะปลูกและค่าบริหารจัดการ จะโอนให้กับเกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน
ใช้งบประมาณ 55,083 ล้านบาท โอนงวดแรกวันที่ 24 พฤศจิกายนแล้ว งวดที่สอง วันที่ 25 พฤศจิกายน และถัดไปรวม 5 งวด จนถึง วันที่ 28 พฤศจิกายน งวดแรกโอนให้เกษตรกร 804,017 ครัวเรือน งวดสอง 985,871 ครัวเรือน งวดสาม 978,459 ครัวเรือน งวดสี่ 980,489 ครัวเรือน และงวดห้า 546,458 ครัวเรือน รวม 4,295,294 ครัวเรือน การจ่ายเงินส่วนต่างข้าว 5 ชนิด รวม 4 ปี เงินส่วนต่างบางครอบครัวได้รับสูงสุด ข้าวหอมมะลิ สูงสุด 58,988 บาท/ครัวเรือน ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ สูงสุด 60,086 บาท/ครัวเรือน ข้าวหอมปทุมธานี สูงสุด 41,527 บาท/ครัวเรือน ข้าวเปลือกเจ้า เงินส่วนต่างสูงสุด 76,601 บาท/ครัวเรือน และข้าวเปลือกเหนียว เงินชดเชยสูงสุด 71,465 บาท/ครัวเรือน
“ส่วนประกันรายได้มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดและยางพารา อยู่ในขั้นตอนกระบวนการรอนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ทำต้นเรื่องเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ รอกระบวนการ สำหรับปาล์มน้ำมันและข้าวโพดนั้น ตอนนี้ประกันรายได้และเงินส่วนต่างยังไม่จำเป็น เนื่องจากตอนนี้ราคาข้าวโพดในตลาด อยู่ที่ 11-12 บาท/กก. ปาล์มน้ำมัน ประกันที่ 4 บาท/กก. แต่ราคาในตลาด 5-6 บาท หรือเกือบ 7 บาท/กก. มันสำปะหลังประกัน 2.50 บาท/กก. ตอนนี้ราคากว่า 3 บาท/กก. ยังรอได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินส่วนต่างชดเชย ส่วนยางพารา รอกระบวนการพิจารณาของ ครม.ต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว