เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายอรรถวุฒิ ธินามธรรม เจ้าของร้านพระเครื่องชื่อดังย่านบางแค พร้อมนายบุญฤทธิ์ จิตรมา หรือฉุย และ นายนฤนาท เชาว์เฉียง เดินทางเข้ายื่นหนังสือ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก. ภ.จว.ชลบุรี โดยมีนายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาเป็นผู้รับหนังสือแทน

นายอรรถวุฒิ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน เกี่ยวกับการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นบุกบ้านพักพูลวิลล่า พัทยา แล้วมีการทำร้ายนักท่องเที่ยวที่มาพักที่แอดไซด์ พูลวิลล่า ถ.จอมเทียน สาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2565 ที่ผ่านมานั้น

โดยในข่าวที่ปรากฎทางสื่อมวลชนระบุว่า สาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวมาจากการขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์จากเว็บพนัน และมีการอ้างว่าระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน พบขบวนการวางแผนหลอกชุดจับกุมโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสลับตัวผู้อื่นมามอบตัวแทนผู้ต้องหาตัวจริง โดยพนักงานสืบสวนชุดจับกุมได้กล่าวหาว่า ตนและนายเอกพล เอี่ยมวิสูตรเป็นผู้จ้างวานให้ นายบุญฤทธิ์ (ฉุย) จิตรมา และนายสรัญ หรือ ท๊อป ยอดทัด มามอบตัวแทนผู้กระทำความผิดตัวจริง และได้ดำเนินคดีกับตนและพวก ในฐานความผิด “แจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดทางคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ต้องรับโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม”

โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นฟ้องตนต่อศาลจังหวัดชลบุรี โดยมีคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปีตนและพวกได้ให้การรับสารภาพ ศาลปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งปัจจุบันตนได้ประกันตัวในวงเงิน 50,000 บาทเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ และพนักงานสอบสวนได้พาดพิงกล่าวหาว่าตนได้ร่วมมือโดยให้สินบนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง คือ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์รองผู้บังคับการจังหวัดชลบุรี ร่วมกันวางแผนกับตนและพวก โดยเรียกรับเงินจำนวน 1,000,000 บาท(หนึ่งล้านบาทถ้วน) โดยมีการดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.กรวัฒน์ ในฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ซึ่งความเป็นจริงแล้วนั้น ตนขอยืนยันด้วยความสัตย์จริงว่า ตนไม่เคยให้เงินจำนวน 1,000,000 บาท หรือ ทรัพย์สินใด และไม่เคยรู้จักกับ พ.ต.อ.กรวัฒน์ เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ตนและครอบครัวยังถูกข่มขู่คุกคาม ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลมืด จากข้าราชการตำรวจที่รับผิดชอบในคดีดังกล่าว โดยมีการลักพาตัวภรรยา และน้องชายของตนไปเพื่อต่อรองบีบบังคับให้ยอมรับและพาดพิง พ.ต.อ.กรวัฒน์ ตามความต้องการของผู้ไม่หวังดีตนยินดีที่จะเป็นพยานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า พ.ต.อ. กรวัฒน์ หาญประดิษฐ์ เป็นข้าราชการที่ดีไม่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียตามที่ถูกกล่าวหา และตนพร้อมทั้งครอบครัว จะขอเข้าสู่กระบวนคุ้มครองพยานในคดีอาญา ของกระทรวงยุติธรรมต่อไป