แพร่-บาดตาบาดใจ!ผัวใหม่เห็นเมียกินข้าวกับผัวเก่า เลือดขึ้นหน้า ทนดูไม่ได้คว้าปืนลูกซองกระหน่ำยิงดับ 2 ศพ ต่อหน้าลูกสาวสองคน ก่อนหลบหนี ตำรวจสั่งระดมล่าตัวมาดำเนินคดี
พ.ต.ท.กัณฑสิทธิ์ คงต่อ รักษาราชการแทน หัวหน้า สภ.สรอย อ.วังชิ้น ได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 65 นายอัจฉริยะพงค์ ปันฟอง ผญบ.แม่ขมิง ม.2 ต.สรอย ว่า มีเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 83 บ้านแม่ขมิง หมู่ที่ 2 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ มีคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย
หลังจากรับแจ้งแล้วได้รีบรายงานให้ พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.ภ.จว.แพร่ ทราบ แล้วได้ประสานแพทย์โรงพยาบาลวังชิ้น หน่วยกู้ชีพกู้ภัยสรอยพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ เดินทางไปที่เกิดเหตุ ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวมุงด้วยกระเบื้อง เข้าไปตรวจสอบในห้องครัว พบว่ามีศพ มีเลือดกระจายเต็มห้องครัว คนแรกคือนายกันยา (จุ้ม) อุดกันทา อายุ 42 ปี สภาพสวมกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน มีรอยถูกยิงที่ราวนมซ้าย 1 แผล ห่างจากศพนายกันยา มีศพนางแพรวพรรณ (ดำ) ปันฟอง อายุ 27 ปี สภาพศพนอนหงายสวมกางเกงสามส่วนสีน้ำตาล เสื้อยืดสีแดง จึงได้นำศพส่งไปชันสูตรอีกครั้งที่ รพ.วังชิ้น
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น ญาติๆ ของผู้ตายเล่าให้ฟังว่า คนยิงคือนายโพธิ์ ซึ่งนายโพธิ์และนายกันยาเป็นเพื่อนกันมานาน นายกันยาได้แต่งงานกับนางแพรวพรรณ ทั้งสองมีบุตรร่วมกัน 2 คน ต่อมานายโพธิ์มาชอบนางแพรวพรรณ จนนายกันยาและนางแพรวพรรณแยกทางกัน โดยลูกนั้นให้ทางนายกันยาเป็นคนเลี้ยง นางแพรวพรรณจึงแยกไปอยู่กับนายโพธิ์ แต่ก็มักจะมาหาลูกอยู่บ่อยครั้ง นายโพธิ์จับได้ จนต่อว่าแล้วก็เงียบไป
แต่ในวันที่เกิดเหตุ นางแพรวพรรณ ไปหาลูกที่บ้านนายกันยา ช่วงเย็นทำกับข้าวและทานข้าวพร้อมกับลูกๆ หลังจากลูกทั้งสองทานข้าวเรียบร้อยแล้วนั้น พี่ได้พาน้องไปอาบน้ำซึ่งห้องน้ำอยู่ติดกับห้องครัว นายโพธิ์สามีใหม่ได้เดินเข้าไปในบ้านและมาพบเห็นทั้งคู่นั่งทานข้าวกันจึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่นายกันยาก่อน เมื่อนายกันยาล้มลงก็กระหน่ำยิงใส่นางแพรวพรรณอีก จนทั้งสองคนเสียชีวิตคาที่ต่อหน้าลูกสาวสองคนที่เห็นเหตุการณ์
ส่วนนายโพธิ์ หลังก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง ต่อมาทางพล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.ภ.จว.แพร่ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.มนัส เกิดสุโข ผกก.สืบสวน ภ.จว.แพร่ เดินทางพร้อมกำลังเข้าไปที่เกิดเหตุ ร่วมกันสืบสวนสอบสวนและติดตามผู้ก่อเหตุ คาดว่ายังจะหลบหนีไปไม่ไกล