เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 มีรายงานว่า สื่อท้องถิ่น เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ติดกับชายแดนไทย จ.เชียงราย รายงานว่า ได้มีพระจากวัด นาดมอกส่วยตะเทกง ย่าน Kyawk Thoung 1 รูป และ และฆราวาส 4 คน ได้ดื่มกาแฟ ที่ญาติโยมคนหนึ่งนำมาถวาย หลังจากนั้นไม่นานทั้ง 5 คน ได้สลบทันที ชาวบ้านจึงแจ้งกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาล คาดว่าจะเป็นฤทธิ์กาแฟที่ดื่มลงไป
จากนั้นทราบว่าทั้ง 5 รายได้ดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมยาอี หรือยาส่าย พร้อมเคตามิน ที่มีฤทธิ์รุนแรงถึงขั้นทำลายระบบประสาทได้ กาแฟชนิดนี้ทราบว่าเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและ นักเที่ยวกลางคืนตามผับ บาร์ ในตัวเมือง โดยมีการแอบวางจำหน่ายหลายแห่ง แต่ไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดว่าผลิตมาจากที่ใด โดยราคาประมาณ 3,000 ถึง 4,000 ต่อหนึ่งซอง สามารถชงดื่มได้ 8 แก้วเหล้าเล็ก มีฤทธิ์ออกอาการคึกคะนอง เต้นรำไม่เหนื่อย และมีอาการสั่น หากดื่มแล้วไม่ลุกเต้นจะแพ้ฤทธิ์กาแฟ ส่งผลให้มีอาการทรุด สลบได้ กาแฟชนิดนี้จึงมักเป็นที่นิยมนักเที่ยวกลางคืนตามแนวชายแดนไทย คาดกันว่าอาจแพร่ไปถึงฝั่งไทยแล้ว
ข้อมูลดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลว่า ซองกาแฟดังกล่าวอาจจะเป็นยาเสพติดที่เรียกว่า Happy NN ที่กำลังระบาดอย่างมากในสถานบันเทิง พื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยรูปแบบของผลิตภัณฑ์ จะมี 2 แบบคือ แบบแรก เป็นซองคล้ายกับซองกาแฟ 3 in 1 และอีกแบบคือ ซองใกล้เคียงกับถุงยางอนามัย แต่ว่าโลโก้ของซองจะมีหลากหลาย ทั้งแบบที่เป็นโลโก้ชื่อกาแฟเจ้าดัง แบบที่เป็นโลโก้รถหรู ซึ่งภายในจะเป็นสารเสพติดที่มีความเข้มข้น ที่ใช้ผสมได้ 8 แก้ว ซึ่งหากนำไปทาน 1 แก้วต่อ 1 ซองก็ถือว่าเป็นปริมาณที่เยอะมาก
อย่างไรก็ตาม ทางการเมียนมายังไม่ได้ออกมายืนยันว่าซองกาแฟที่ทำให้เกิดดหตุดังกล่าวเป็นยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทยก็ได้ติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยา Happy NN ได้ระบาดครั้งแรกในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 และใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่นักท่องราตรีในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการกวาดล้าง และกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง สำหรับในประเทศไทย เคยมีการตรวจยึดได้ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อประมาณเดือน เม.ย.65 ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันก็ไม่พบว่ามีการระบาดในพื้นที่ประเทศไทยแต่อย่างใด