สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เปิดการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นการปะชุมยาวนาน 1 สัปดาห์ และคาดว่า ที่ประชุมจะให้ความเห็นชอบให้นายสี ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 3 โดยมีตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนประมาณ 2,300 คน จากทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ทางฝั่งตะวันตกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นายสี วัย 69 ปี เดินทางมาถึงที่ประชุมก่อนเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพียงเล็กน้อย และเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ที่คาดว่าจะทบทวนความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิวต์จีนและวางแนวทางของนโยบายต่างๆ สำหรับปีต่อๆ ไป ในช่วง 10 ปีที่ดำรงตำแหน่ง และให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ กับเรื่องความมั่นคง การควบคุมเศรษฐกิจของรัฐบาล นโยบายทางการทูตในเชิงรุก การเสริมสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งและการเพิ่มการกดดันเรื่องการยึดไต้หวัน ในขณะที่นักวิเคราะห์ไม่ได้คาดหมายว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
“เราต้องสร้างระบบเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมระดับสูง รวบรวมและพัฒนาระบบกรรมสิทธิ์สาธารณะ รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนอย่างแน่วแน่ ให้บทบาทต่อการชี้ขาดของตลาดในการจัดสรรทรัพยากรอย่างเต็มที่ และให้ภาครัฐสามารถแสดงบทบาทได้ดียิ่งขึ้น”
การประชุมสมัชชาใหญ่ที่จะสิ้นสุดในวันเสาร์หน้า คาดหมายว่านายสีจะเปิดตัวสมาชิกใหม่ของคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมือง ซึ่งเป็นทีมผู้บริหาร 7 คน ซึ่งจะรวมถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายหลี่ เค่อเฉียง ที่จะลาออกจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมหลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ 2 วาระแล้ว
ปัจจุบันประธานาธิบดีสี ดำรงตำแหน่งที่ทรงอำนาจที่สุดในจีนถึง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ เลขาธิการทั่วไปพรรคคอมมิวนิสต์, ประธานาธิบดีจีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ซึ่งเขาบัญชาการกองกำลังติดอาวุธของประเทศ