นายพงศกร เรืองมนตรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(เขื่อนอุบลรัตน์) จ.ขอนแก่น เปิดเผย ว่า ขณะนี้เขื่อนอุบลรัตน์เก็บกักน้ำที่ปริมาณ2515.89 ล้าน ลบ.ม. แต่เขื่อนฯมีความจุเพียง 2,504 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้น้ำในเขื่อนจึงเกินความจุของอ่างแล้ว หรือ 103% ซึ่งปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์นั้น จะมีปริมาณมาก หรือน้อยก็ต้องรายงานให้ทุกจังหวัดทราบ รวมถึงรายงานให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดที่อยู่เหนือเขื่อนฯหรือด้านล่างเขื่อนฯ ได้ทราบมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำชีว่า หากปริทาณน้ำในเขื่อนสูงเกินกว่าความจุของอ่าง เขื่อนจะทำการระบายน้ำที่วันละ 35 ล้าน ลบ.ม. เพราะเขื่อนรับน้ำจากปริมาณน้ำไหลหลากจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำและพายุโนรู ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนวันละ 130 ล้าน ลบ.ม.จึงจำเป็นต้องระบายวันละ 35 ล้าน ลบ.ม.ในวันที่ 3 ต.ค.เป็นวันแรก โดยจะระบายติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์
นายพงศกร กล่าวต่ออีกว่า ปีนี้น้ำมาเร็ว เพราะทุกปีน้ำจะเข้าเขื่อนในช่วงปลายเดือน ต.ค.แต่ปีนี้กลางเดือน ก.ย. น้ำก็มาแล้ว โดยจะเป็นน้ำจาก 3 สาย ที่ไหลเข้าเขื่อน คือจากต้นน้ำของแม่น้ำพอง ที่มีน้ำไหลากภูกระดึง ผานกเค้า จ.เลย ไหลลงมาที่อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ไหลมาลงที่เขื่อนฯ สายที่สองน้ำจากจังหวัดชัยภูมิ และจากเขื่อนจุฬาภรณ์ ไหลลงลำน้ำเชิญ ลำน้ำพรม รวมกันมาลงที่เขื่อนฯ สายที่สามน้ำจากลำพะเนียง จ.หนองบัวลำภู ก็ไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ เมื่อน้ำทั้ง3สายไหลลงสู่เขื่อนฯน้ำก็มีคววามจุเพิ่มขึ้น
“ขณะเดียวกันเขื่อนฯก็ต้องเฝ้าระวังให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนให้น้อยที่สุด ทั้งในพื้นที่ อ.โนนสังข์และ อ.ศรีบุญเรืองของจ.หนองบัวลำภูและอ.อุบลรัตน์ อ.หนองเรือ อ.ภูเวียง อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ที่จะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำในเขื่อนฯเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังมีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้คันดินที่กั้นเขื่อนอุบลรัตน์ ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูไม่ให้ได้รับผลกระทบอีก เขื่อนฯจึงจำเป็นต้องระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบโดยรวมทั้งหมด”