พายุดีเปรสชัน “โนรู” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ที่ จ.อุบลฯยังอ่วม ชาวบ้านแสนลำบากกินนอนอยู่ริมถนน ซ้ำยุงกัดน่วมตัว บางรายอพยพหนีน้ำเป็นรอบที่สี่ จ.อำนาจเจริญน้ำล้นอ่างฯ จ.สุรินทร์น้ำท่วม 9 อำเภอ

พายุดีเปรสชัน “โนรู” เคลื่อนเข้าไทยโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักตลอดคืนวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่อ.วารินชำราบ ถูกน้ำท่วมหนักสุด ชาวบ้านอลหม่านเก็บข้าวของขึ้นที่สูงแทบไม่ทันพร้อมละอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยเป็นรอบสอง บางพื้นที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพติดเกาะรายล้อมไปด้วยน้ำ เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนแล้ว

วารินชำราบอ่วมหนักหลายหมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

ทั้งนี้ผลกระทบจากพายุ”โนรู”สร้างเกิดความเสียหายขยายเป็นวงกว้าง ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมหนัก ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เช่น บริเวณชุมชนกุดปลาขาว เทศบาลเมืองวารินชำราบ เจ้าหน้าที่ต้องนำป้ายมาแจ้งเตือนประชาชนและปิดเส้นทางข้ามแม่น้ำมูลเชื่อมไปยังสะพาน 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ (สะพานเกรียง) เข้าสู่ อ.เมืองอุบลราชธานี

ขณะที่ พ.ต.ท.พูลศักดิ์ ชุมพล รอง ผกก.ป.สภ.โขงเจียม พร้อมข้าราชการตำรวจจิตอาสา สภ.โขงเจียม เข้าช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติดินสไลด์ที่พีรดา ริเวอร์วิว รีสอร์ต ติดริมแม่น้ำโขง ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงตีสองของวันที่ 29 ก.ย.เนื่องจากน้ำโขงกัดเซาะริมตลิ่ง ทำให้บริเวณระเบียงร้านอาหารและคาเฟ่พังถล่มลงน้ำเกิดความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังร่วมเคลื่อนย้ายสิ่งของออกจากห้องพักริมน้ำเป็นพื้นดินมีรอยแยก หากมวลน้ำแรงมาอีกระลอกอาจมีผลให้ห้องพักถล่มลงอีก

ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำมูลฝั่งเทศบาลเมืองวารินชำราบ ต้องอพยพหนีน้ำไปพักอยู่ริมถนน ข้างวัดแสนสำราญและสะพานข้ามกุดปลาขาว เป็นถนนเชื่อมระหว่างเทศบาลเมืองวารินชำราบกับเทศบาลนครอุบลราชธานี ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนการจราจรจะหนาแน่น แต่ชาวบ้านต้องทนพักอยู่ข้างทาง เพราะอยู่ใกล้บ้านที่ถูกน้ำท่วม ช่วงกลางวันจะกลับเข้าไปตรวจ สอบทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้างไม่ให้โจรมาขโมยของ ส่วนชาวชุมชนหาดสวนสุขอพยพเป็นครั้งที่สี่ จำเป็นต้องมาอยู่ที่ข้างวัดแสนสำราญ เนื่องจากพื้นที่จุดอื่นถูกจับจองเต็มหมดแล้ว ฝนตกตลอดคืนทำให้มียุงชุมถูกกัดน่วมตัว และมีน้ำไหลผ่านกลางเต็นท์ชีวิตอยู่อย่างลำบาก เช่นเดียวกับที่วัดผาสุการาม อ.วารินชำราบ ต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นทับกุฏิและกำแพงวัดเสียหาย ช่วงลำต้นไปขวางถนน

ที่อ่างเก็บน้ำหนองโสกใหญ่ ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ ขนาดความจุประมาณ 500,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) รับน้ำมาจากชุมชนรอบตลาดค้าส่งอุบลเจริญศรี ถนนวารินชำราบ-เดชอุดม ก่อนไหลไปลงแม่น้ำมูล แตกเป็นรูกว้างประมาณ 5 เมตรเป็นจุดฝายน้ำล้นและน้ำกัดเซาะถนนลาดยางเชื่อมระหว่างบ้านโนนเค็งไปบ้านแต้ ต.คำขวาง ที่ตัดผ่านสันเขื่อนขาดยาวประมาณ 5 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถแล่นผ่านได้ และน้ำไหลทะลักล้นคลองส่งผลน้ำเข้าท่วมนาข้าวที่กำลังตั้งท้องกว่า 100 ไร่

ที่บ้านกุงชัย ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ มีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร 1,000 ไร่ และที่สะพานลำเซบก ถนนชยางกูร เส้นทางเชื่อมระหว่าง จ.อำนาจเจริญไปยัง จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ปักป้ายเตือนระดับความปลอดภัยให้ประชาชนได้ทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ห้วยทับทันฝนตกหนักต้นไม้หักโค่นทับรถเสียชีวิต 1 เจ็บอีก 3 ราย

ที่ จ.ศรีสะเกษ ตำรวจ สภ.ห้วยทับทัน รับแจ้งเหตุรถกระบะถูกต้นไม้หักโค่นทับ ที่ถนนสายห้วยทับทัน-ปรางค์กู่ บริเวณใกล้ห้วยยาง ไปตรวจสอบพบรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ แบบแคป สีขาว ทะเบียน บม 9971 สุรินทร์ ต้นไม้ทับขวางถนน ภายในรถพบศพนายบัวสอน พิมดา อายุ 51 ปี นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ และมีผู้บาดเจ็บ 3 คน นำส่ง รพ.ห้วยทับทัน

ส่วนที่ตัวเมืองศรีสะเกษ น้ำจากลำห้วยสำราญเอ่อล้นลำห้วยท่วมถนนและบ้านเรือนทั้งหมด 10 ชุมชน ชาวบ้านอพยพไปกางเต็นท์บนถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี และถนนเทพาต่อกับถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี ต้องปิดถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี บริเวณสามแยกซอยประชาราช น้ำท่วมสูงถึงเอวเป็นระยะทางยาว 1 กม. ที่ประตูระบายน้ำลำห้วยสำราญ ที่บ้านโพธิ์ ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ พนังกั้นน้ำแตกยาวประมาณ 12 เมตร เป็นจุดประตูเปิด-ปิดระบายน้ำในลำน้ำห้วยสำราญ ถือเป็นจุดสำคัญระบายน้ำให้ไหลระบายออกไปสู่ อ.กันทรารมย์ ก่อนจะลงสู่ลำน้ำมูลบริเวณเขื่อนหัวนา เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการซ่อมแซม

ลำน้ำชี ลำน้ำยัง ลำน้ำเสียวใหญ่ ลำน้ำเตา และลำน้ำมูลเอ่อล้นท่วมชุมชนร้อยเอ็ด

ที่ จ.ร้อยเอ็ด น้ำล้นตลิ่งจากลำน้ำชี ลำน้ำยัง ลำน้ำเสียวใหญ่ ลำน้ำเตา และลำน้ำมูล ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรที่อยู่ติดลำน้ำ และทำให้พนังคันดินชำรุด เจ้าหน้าที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) รวม 13 อำเภอ 82 ตำบล 644 หมู่บ้าน และนาข้าวเสียหาย 88,921 ไร่ ที่ถนนเส้นพนมไพร- มหาชนะชัย อาสาหน่วยกู้ภัยอุดมเวทย์นำเลื่อยยนต์จำนวน 3 เครื่อง ตัดต้นมะขามยักษ์อายุกว่า 70 ปี ล้มขวางถนน รถวิ่งผ่านไม่ได้ เช่นเดียวกับ จ.ยโสธร ต้นไม้โค่นขวางถนนหลายจุด เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อเปิดการจราจรแล้ว

ที่จ.ขอนแก่น คันดินกั้นลำห้วยใหญ่ขาด อยู่ในพื้นที่บ้านโคกนางาม หมู่ 2 และ หมู่ 12 ต.สำราญ อ.เมืองขอนแก่น น้ำในลำห้วยใหญ่ทะลักท่วมพื้นที่นา เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลสำราญและสำนักงานชลประทานที่ 6 จ.ขอนแก่น ประสานขอกำลังทหารจาก มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ ช่วยปิดทางน้ำแต่ยังไม่สำเร็จ ล่าสุดนายณัฐวรรธน์ ถิระวณิชยางกูล ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย สำนักงานชลประทานที่ 6 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่นำเครื่องจักรเข้าดำเนินการร่วมกับเทศบาลตำบลสำราญ เพื่อปิดกั้นในจุดที่คันดินขาด ใช้ไม้ยูคาลิปตัสตอกเป็นเสาชะลอแรงน้ำ จากนั้นนำถุงบิ๊กแบ็กวางลงไปกว่า 50 ถุง แต่กระแสน้ำแรงทำให้น้ำซัดถุงบิ๊กแบ็กแตกกระจาย เจ้าหน้าที่จะใช้ชีตไพล์เป็นกำแพงเหล็กกันดินและแนวป้องกันน้ำเข้ามาปิดกั้นในจุดที่คันดินขาด

สุรินทร์จม 9 อำเภอ -บุรีรัมย์ ท่วมหนัก 7 อำเภอเดือดร้อนหนัก

ที่จ.สุรินทร์ ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงใน อ.เมือง อ.ชุมพลบุรี อ.ท่าตูม อ.รัตนบุรี อ.จอมพระ อ.สนม อ.โนนนารายณ์ อ.ศีขรภูมิ และ อ.สำโรงทาบ นอกจากนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังขยายวงกว้างท่วมหมู่บ้าน นาข้าว รวมทั้งพื้นที่ลุ่มในท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ขณะเดียวกัน อ่างเก็บน้ำลำพอก อ.ศรีขรภูมิ เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่รองรับน้ำจากเทือกเขาพนมดงรักผ่าน อ.สังขะ และ อ.ศรีณรงค์ พบว่า มวลน้ำเอ่อล้นเข้าท่วม อ.ศีขรภูมิ และถนนหลายแห่งระดับน้ำสูงถึงเอว เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรเป็นช่วงๆ ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ น้ำท่วม 7 อำเภอ ประกอบด้วย อ.นางรอง อ.กระสัง อ.สตึก อ.แคนดง อ.คูเมือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และ อ.พุทไธสง

ที่ จ.นครราชสีมา ฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง น้ำท่วมขังรอการระบายบนถนนหลายสายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ทำให้การจราจรติดขัด เช่น ถนนราชดำเนินระดับน้ำท่วมขังสูงถึงหัวเข่าระยะทางยาว 100 เมตร ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าทางเข้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ไปจนถึงบริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รถยนต์ขนาดเล็กและรถ จยย.ใช้ความระมัดระวัง ข้างทางมีรถ จยย.จอดเสีย 10 คัน ถนนมิตรภาพในช่องคู่ขนานมีน้ำท่วมขังสูง ใช้ได้เพียง 1 ช่องทาง ส่วนที่บ้านวังกุ่ม หมู่ 14 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา น้ำมูลเอ่อเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำมูลระดับน้ำสูงมิดหัว ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หลังคาเรือน