
ลงวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอันใกล้นี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพัวพันกับการเมืองระหว่างประเทศ อีกทั้งถูกใส่ความและทำร้ายจากสำนักข่าวที่ไม่ได้มีเจตนาดีบางสำนัก นายเสอจื้อเจียงและเอเชียแปซิฟิกกรุ๊ปได้ถูกลากเข้าสู่วังวนทางการเมืองอันซับซ้อน นายเสอจื้อเจียงได้ตกเป็นเป้าสายตาและการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนและเป็นผู้ได้รับผลร้ายจากการเมืองระหว่างประเทศ การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวนั้นไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ส่วนบุคคลของนายเสอจื้อเจียงเท่านั้น แต่ยังข้องเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคลของเขาอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นได้ส่งผลกระทบต่อเอเชียแปซิฟิกกรุ๊ป กระทั่งเศรษฐกิจและสภาพสังคมของพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ วันนี้พวกเราจึงออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะ เพื่อชี้แจงประวัติความเป็นมาของการพัฒนาตามเส้นเวลาของนายเสอจื้อเจียงและเอเชียแปซิฟิตกรุ๊ป และสำแดงความบริสุทธิ์ลบล้างข้อมูลอันเป็นเท็จ แสดงให้เห็นจุดยืนที่แท้จริงของนายเสอจื้อเจียงและเอเชียแปซิฟิคกรุ๊ป ในขณะเดียวกันก็ได้ยื่นข้อเรียกร้องทางกฎหมายต่อทางสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ อีกทั้งเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศให้ยึดมั่นในจุดยืนที่ยุติธรรม คืนความเป็นธรรมให้แก่นายเสอจื้อเจียง รับรองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และสิทธิอันชอบธรรมทางกฎหมายให้กับเขา
1. ความตั้งใจแรกเริ่มและโชคชะตา
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 นายเสอจื้อเจียงได้เหยียบแผ่นดินเมืองชเวก๊กโก ประเทศเมียนมาร์ เป็นครั้งแรก เขายังมีภาพจำฉากนั้นอย่างชัดเจน คือเต็มไปด้วยกระท่อมมุงจากอันทรุดโทรม ไฟสงครามทำเอาใจไม่ดี ลูกเด็กเล็กแดงวิ่งเท้าเปล่าอยู่บนซากปรักหักพัง ผู้สูงอายุทำได้เพียงนั่งนิ่งอยู่บนกองฟางเก่า ๆ อย่างช่วยไม่ได้
ณ วินาทีนั้น เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นในใจ กระทั่งอดนึกถึงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ นั่นก็คือเรื่องที่มีแม่ชีรูปหนึ่งที่ใช้กำลังของตนทำให้สงครามระหว่างสองประเทศหยุดไปได้หลายวัน ทำให้เหล่าชาวบ้านต่างโล่งอกได้หายใจหายคอ
ในปีนั้น นายเสอจื้อเจียงอายุได้สามสิบกว่า ๆ เขาเป็นแค่เด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนจบแม้กระทั่งชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งด้วยซ้ำ บางทีในสายตาของคนอื่นนั้น เขาไม่อาจนับเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ในใจของเขามีแรงผลักดันอันแรงกล้า เขาต้องการจะอยู่ต่อ เขาอยากทดลองกระทำการบางอย่างเพื่อที่นี่ ให้คนที่หมดหนทางเหล่านี้ได้มีข้าวกิน มีเกราะกำบังลมฝนในพักพิง
นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของพรหมลิขิตระหว่างเขากับเมืองชเวก๊กโก

2. แปดปีแห่งความมุ่งมั่นและทุ่มเท
ในปีพ.ศ. 2560 นายเสอจื้อเจียงได้เริ่มพัฒนาเมืองชเวก๊กโกด้วยน้ำมือของเขาอย่างเป็นทางการ ซึ่งใช้เวลาถึงแปดปี การสร้างเมืองบนพื้นที่รกร้างนั้นยากเหลือคณานับ แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เขาทุ่มเทลงไปไม่ได้มีเพียงเงินตราและแรงกายแรงใจ แต่ยังแบกรับความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างใหญ่หลวงเอาไว้ด้วย
ช่วงโรคระบาด
ในขณะที่ทั่วโลกต่างล็อคดาวน์และตื่นตระหนกนั้น เมืองชเวก๊กโกยิ่งเผชิญกับภาวะขาดแคลนยาและเสบียงอาหาร ถ้าหากไม่ได้เงินทุนและทรัพยากรปริมาณมากที่นายเสอจื้อเจียงบริจาคให้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโรคระบาดแล้วนั้น ไม่อาจทราบได้เลยว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากน้อยเพียงใด ในหลายปีนั้น หลายครอบครัวยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ก็ด้วยการป้องกันโรคระบาดและการช่วยเหลือที่นายเสอจื้อเจียงจัดแจงอย่างทันท่วงที
เขาลงทุนสร้างพื้นที่กักกันโรค ติดต่อประสานงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้การสันบสนุนการป้องกันโรคระบาดและการรักษา ต่อให้สภาพจะทุรกันดาร แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะส่งกำลังคนและสิ่งของเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่นี้ให้ผ่านวิกฤตไปได้

นายเสอจื้อเจียงพาคนมาซ่อมถนน สร้างบ้าน ก่อสร้างเมืองให้เป็นรูปเป็นร่าง ไม่ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่จะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด ความเสี่ยงจะสูงเสียดฟ้า เขาก็ไม่เคยท้อถอย
(YATAI Group พัฒนาการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง เช่น การก่อสร้างถนน การก่อสร้างโรงงาน การอนุรักษ์น้ำ ฯลฯ)





นายเสอจื้อเจียงได้สร้างอาชีพให้กับคนประมาณ 80,000 ตำแหน่งทางอ้อมผ่านการพัฒนาเมือง ในพื้นที่อย่างเมียนมาร์นี้นั้น การทำงานของคน ๆ เดียวสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ 5 คน นั่นแปลว่ามีคนที่มีกินมีใช้จากการที่เขาลงทุนไปทั้งหมดประมาณ 400,000 คน และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีเกียรติมีมีศักดิ์ศรี

(พลเมืองย่าไท่เมืองชเวก๊กโกมีชีวิตชีวา มีอิสระในอาชีพการงาน มีความสุข)
นี่คือความมุ่งมั่นของนายเสอจื้อเจียงในช่วงหลายปีนี้ และเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา น่าเสียดายที่การอุทิศเหล่านี้ไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากโลกภายนอกเลย
3. ข้อกล่าวหาอันต่อเนื่องไม่มีหยุด
อย่างไรก็ตาม ความทุ่มเทของนายเสอจื้อเจียงกลับถูกตอบแทนด้วยการโจมตีและใส่ร้ายป้ายสีครั้งแล้วครั้งเล่า
a. ข้อกล่าวหาจากรัฐบาลจีน
พวกเขาบอกว่านายเสอจื้อเจียงประกอบกิจการพนันออนไลน์ในระหว่างปีพ.ศ. 2557 ถึงพ.ศ. 2560 และหลบหนีความผิด อีกทั้งยังได้รับหมายแดงจากนานาชาติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 ถึงพ.ศ. 2562 เขายังคงเข้าออกประเทศจีนได้อย่างอิสระอยู่หลายครั้ง บนหนังสือเดินทางของเขามีตราประทับการตรวจลงตราอย่างชัดเจน อนุญาตให้เขาพำนักได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากเขาหลบหนีความผิดจริง ทำไมในตอนนั้นประเทศจีนจึงไม่จับกุมตัวเขา
(รูปภาพแสดงหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาที่ถูกต้องตามกฎหมายและวีซ่าประเทศจีน)
b. ข้อกล่าวหาจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ได้คว่ำบาตรนายเสอจื้อเจียง
หากพูดอย่างมีความรับผิดชอบที่สุดแล้ว สิ่งที่นายเสอจื้อเจียงยอมรับว่าเคยกระทำ มีเพียงสองเรื่องดังต่อไปนี้
1) เขาพัวพันกับการพนันออนไลน์จริง แต่นั่นอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ และตอนนั้นก็มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

(ใบอนุญาตเกี่ยวกับการพนันที่ถูกต้องตามกฎหมายประเทศฟิลิปปินส์)
2) เขาได้พัฒนาเมืองขึ้นมาจริง อีกทั้งมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายที่ประเทศเมียนมาร์ มีเอกสารทางการรับรองจากทางรัฐบาลเป็นหลักฐาน

3) ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมาร์ ผลักดันเมืองย่าไท่และยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองอย่างถูกกฎหมาย

(ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 รัฐบายเมียนมาร์วางแผนที่จะยกระดับชเวก๊กโกในรัฐกะเหรี่ยงให้เป็นเมือง)
“การกล่าวหา” อื่น ๆ ดังกล่าวล้วนถูกยัดเยียดให้กับนายเสอจื้อเจียง
c. การรายงานข่าวและใส่ร้ายป้ายสีจากสื่อ
สื่อหลักที่เป็นเป็นกระแส 10 อันดับต้นของโลก รวมถึงสื่อหลักของประเทศจีน ล้วนรายงานข่าวของนายเสอจื้อเจียงทั้งสิ้น
มีเพียงจำนวนน้อยที่เรียกนายเสอจื้อเจียงว่าเป็น “นักพัฒนาเมือง” และยอมรับการอุทิศตนของเขา แต่ที่เหลือส่วนใหญ่กลับตราหน้าในเชิงลบ พรรณนาว่าเขาเป็นคนไม่ดี
พวกเขาใช้ “หลักฐาน” ที่ว่า ซึ่งล้วนแต่เป็นข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้รับการตรวจสอบและข้อมูลเท็จ ดังเช่น “ฐานมิจฉาชีพหลอกลวง การบังคับทำงาน การใช้ความรุนแรง การพนัน การค้ายาเสพติด การค้าประเวณี” และอื่น ๆ ขอถามสำนักข่าวต่าง ๆ ว่าได้ใช้ผลการพิจารณาคดีของประเทศใดในการรายงานข่าวกันหรือ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตที่สร้างขึ้นด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงอย่างร้ายแรง

4.ความน้อยเนื้อต่ำใจและคับข้องใจของนายเสอจื้อเจียง
พวกเรายอมรับว่า ในกระบวนการพัฒนาเมืองนั้น อาจมีกิจการสีเทาบางส่วนปรากฏขึ้นมา แต่ขอให้ทุกคนลองคิดดู สถานการณ์เช่นนี้นั้นที่เมืองไหน ประเทศไหนจะไม่มีบ้าง ในประเทศจีน ต่อให้เป็นเมืองที่ใหญ่เพียงใด ก็ยังคงมีคนที่กระทำผิดกฎหมาย ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน
แต่ปัญหาก็คือ ในฐานะนักพัฒนาเมืองคนหนึ่ง นายเสอจื้อเจียงไม่ได้มีอำนาจการบังคับใช้กฎหมาย บทบาทของเขามีเพียงการปรับที่ดิน แล้วขายที่ดินให้แก่นักลงทุน จากนั้นพวกเขาจึงสร้างบ้าน ให้เช่า และค้าขาย ในส่วนที่ว่าให้ใครเช่า ภายในนั้นทำธุรกิจอะไร นั่นเป็นเรื่องที่หน่วยงานความมั่นคงท้องถิ่นต้องเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่ใช่หน้าที่ของนายเสอจื้อเจียงจะไปควบคุมดูแลได้
ถ้าเป็นเพราะเพียงในเมืองมีกิจการผิดกฎหมาย แล้วโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับนักพัฒนาเมืองอย่างนายเสอจื้อเจียงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแล้วนายกเทศมนตรีทั่วโลกก็คงจะมีความผิดกันหมดไม่ใช่หรือ นับประสาอะไรกับเขาผู้ซึ่งไม่ได้เป็นนายกเทศมนตรีด้วยซ้ำ
ในใจของนายเสอจื้อเจียงนั้นเจ็บปวดเหนือคำบรรยาย เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่เติบโตมาจากบ้านนอก จะสามารถ “เขย่าโลก” ได้อย่างไร แต่เขาในตอนนี้กลับเป็นเหยื่อที่ถูกใช้ในการประชันกันระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
5. การอุทิศตนและความเป็นจริง
ทุกท่านกรุณาอ่านข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ชัดเจน
a. เมืองที่นายเสอจื้อเจียงพัฒนาขึ้นได้สร้างอาชีพให้กับคน 80,000 คน เลี้ยงดูคนได้อย่างน้อย 400,000 ชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม
b. นายเสอจื้อเจียงได้ช่วยให้คนที่นี่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด
c. นายเสอจื้อเจียงมีประวัติเกี่ยวกับการพนันอยู่จริง แต่นั่นอยู่ในขอบเขตที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าแอบกระทำผิดกฎหมาย
d. เมืองที่นายเสอจื้อเจียงพัฬนานั้นมีการจดทะเบียนกับประเทศเมียนมาร์และมีเอกสารถูกต้อง ไม่ใช่ “เมืองมืด” ที่ว่า
e. เอเชียแปซิฟิกกรุ๊ปของนายเสอจื้อเจียงดำเนินงานเพื่อสังคม มีการบริจาคเงินสดและสิ่งของรวมมูลค่ามากกว่า 635 ล้านบาท ช่วยเหลือสถานเด็กกำพร้า คนชรา พระสงฆ์ในระยะยาว และให้ทุนช่วยเหลือเด็กยากจนให้ได้รับการศึกษา
f. เอเชียแปซิฟิกกรุ๊ปของนายเสอจื้อเจียงได้สร้างอาชีพให้กับประชากรชาวเมียนมาร์โดยตรงกว่า 100,000 ราย อุทิศให้มีการพัฒนาพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่

ภาพซ้าย: ปีพ.ศ. 2560 บริจาคเงินช่วยเหลือประชาชนในเขตภัยพิบัติประเทศเมียนมาร์เป็นจำนวน 20,000,000 จ๊าดเมียนมาร์
ภาพขวา: ปีพ.ศ. 2560 ลงทุน 150 ล้านจ๊าดเมียนมาร์เพื่อช่วยเหลือในการสร้างโรงพยาบาล SMRU

ภาพซ้าย: ปีพ.ศ. 2566 บริจาคเงิน 1,600 ล้านจ๊าดเมียนมาร์ช่วยเหลือการสร้างบ้านให้กับผู้ประสบภัย
ภาพขวา: บริจาคสิ่งของให้กับผู้สูงอายุเมืองชเวก๊กโกในวันผู้สูงอายุของทุกปี

(ภาพแสดงใบรับรองการบริจาคการกุศลบางส่วน)
ภาพแรก: ปีพ.ศ. 2562 บริจาคเงิน 150 ล้านจ๊าดเมียนมาร์ให้แก่โรงพยาบาลชเวก๊กโก
ภาพที่สอง: ปีพ.ศ. 2563 บริจาคอุปกรณ์ป้องกันโรคระบาดมูลค่า 396 ล้านจ๊าดเมียนมาร์
ภาพที่สาม: ปีพ.ศ. 2567 บริจาคเงิน 300 ล้านจ๊าดเมียนมาร์ให้แก่วัดพันอ้น
ภาพที่สี่: ปีพ.ศ. 2568 บริจาคเงิน 25 ล้านบาทให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในมัณฑะเลย์
หากไม่ได้เป็นเพราะการริเริ่มพัฒนาเมืองนี้จากนายเสอจื้อเจียงแล้วล่ะก็ เกรงว่ารัฐกะเหรี่ยงจะยังคงตกอยู่ในสภาวะสงครามอย่างไม่หยุดหย่อนตราบจนปัจจุบัน ประเทศเมียนมาร์เองก็จะเผชิญกับปัญหาผู้ประสบอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้พลเมืองรัฐกะเหรี่ยงต่างรู้สึกขอบคุณการพัฒนานี้ เป็นเพราะสามารถยับยั้งการอพยพออกของผู้ประสบภัยได้พอดี เปิดทางสว่างในการดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัยให้แก่พวกเขา ในขณะเดียวกันการพัฒนานี้ไม่เพียงแต่ลดจำนวนผู้ประสบภัยในประเทศเมียนมาร์แล้วแต่ยังคงลดแรงกดดันต่อการรับผู้ลี้ภัยของอำเภอเม่สอด ประเทศไทย ได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาคในพื้นที่ดังกล่าว
6. จุดยืนที่เกี่ยวข้องกับทางฝั่งสหรัฐอเมริกา
พวกเราขอประกาศอย่างหนักแน่นว่า
นายเสอจื้อเจียงยอมรับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการพิจารณาคดีตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งเชื่อมั่นในระบบตุลาการของสหรัฐอเมริกาว่าสามารถตัดสินเขาอย่างยุติธรรมได้ ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ในเมื่อนายเสอจื้อเจียงถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรอย่างเปิดเผย รัฐบาลและระบบตุลาการของสหรัฐอเมริกาจึงไม่มีเหตุใดที่จะปฏิเสธผู้ที่ขอเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ความร่วมมือในการสอบสวน หากมารตรการการคว่ำบาตรนั้นเป็นเพียงแค่ข้อความในเอกสารและใบประกาศเท่านั้น แต่กลับไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างจริงภายใต้กรอบกระบวนการยุติธรรมของตุลาการของสหรัฐอเมริกาแล้วล่ะก็ มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจะกลายเป็นเพียงตัวอักษรลอย ๆ ขาดทั้งความเป็นธรรมและความน่าเชื่อถือ
ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงขอเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาและประเทศไทยปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างจริงจัง ดำเนินขั้นตอนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนทันที เพื่อให้นายเสอจื้อเจียงสามารถพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อศาล ได้รับคำพิพากษาอันชอบธรรม ไม่ใช่ว่าตกเป็นเครื่องมือจากการใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อมูลเท็จ
พวกเรายืนหยัดต่อต้านการกระทำกรรมวิธีใดอันเกิดจากแรงกดดันรัฐบาล มีเพียงองค์การตุลาการเท่านั้นที่สามารถหลีกจากความอยุติธรรมไปได้ พวกเราเชื่อมั่นว่า องค์กรตุลาการของสหรัฐอเมริกาจะมีความเป็นอิสระในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง และสุดท้ายตัดสินว่าเสอเจ้อเจียงเป็นผู้บริสุทธิ์
7. ข้อเรียกร้องต่อนานาชาติ
a. ข้อเรียกร้องต่อสื่อนานาชาติ
พวกเราขอเรียกร้องให้สื่อนานาชาติ รวมถึงเอเอฟพี สำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าวอัลญะซีเราะฮ์ เข้ามายังเมืองย่าไท่เพื่อรายงานข่าวจากพื้นที่จริง เพื่อเป็นการระงับข่าวเท็จลำเอียง
b. ข้อเรียกร้องต่อองค์กรสิทธิมนุษยชน
พวกเราขอเรียกร้องให้สำนักงานองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมาคมเนติบัณฑิตยสภาระหว่างประเทศ และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ติดตามความคืบหน้าของคดีและกำกับดูแลความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม
c. ข้อเรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศ
พวกเราเรียกร้องให้แต่ละประเทศพิจารณาอย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกชักจูงให้เข้าใจผิด
8. คำมั่นสัญญาและแนวทางในอนาคต
นายเสอจื้อเจียงและเอเชียแปซิฟิกกรุ๊ปจะดำเนินการต่อไปนี้อีกต่อไป
ส่งเสริมการพัฒนากิจการที่ถูกกฎหมาย ถูกกฎระเบียบ และโปร่งใส
ให้ความร่วมมือกับประชาคมโลก ให้ข้อมูลที่เป็นความจริง
ยึดมั่นในหน้าที่ความรับผิดชอบ ปกป้องเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของพื้นที่
พวกเราเชื่อว่า
สุดท้ายความจริงจะเปิดเผย ความยุติธรรมจะไม่จางหายไปไหน พวกเรายังคงเชื่อว่า นายเสอจื้อเจียงจะได้รับความบริสุทธิ์กลับคืนมาจากการตัดสินขององค์กรตุลาการสหรัฐอเมริกา และเอเชียแปซิฟิกกรุ๊ปเองก็จะร่วมมือกับภูมิภาคและรับชอบต่อสังคมต่อไป
9. ความยากลำบากที่แท้จริงและข้อเรียกร้องต่อสหประชาชาติ
“ความผิด” ของเสอจื้อเจียงนนั้นคือการดำเนินการพัฒนาก่อสร้างเมืองในฐานะองค์กรเอกชน
เป็นเพราะเขาและเอชียแปซิฟิกกรุ๊ปได้พัฒนาและก่อสร้างเมือง จึงสร้างอาชีพให้แก่คนราว 80,000 คนทางอ้อม อีกทั้งเลี้ยงดูคนราว 400,000 ชีวิต
ในตอนนี้ พวกเราหวังว่าสหประชาชาติจะสามารถส่งตัวแทนมายังเมืองย่าไท่ รับรองการสร้างงานให้กับผู้คนราว 80,000 คน และแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอีกหลายแสนคน
ถึงแม้ว่าในนามแล้วที่นี่จะเป็นเมือง แต่ในความเป็นจริงพื้นที่นี้ยังคงต้องแบกรับผู้ประสบภัย ช่วยเหลือให้ประชาชนยังคงมีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางสงคราม
อย่างไรก็ตาม ความรับผิดชอบนี้ในปัจจุบันนั้น นายเสอจื้อเจียงและเอเชียแปซิฟิกกรุ๊ปไม่สามารถแบกรับหน้าที่นั้นได้เพียงลำพังอีกต่อไป พวกเราร้องขอให้สหประชาชาติเข้ามาดำเนินการแก้ไข อีกทั้งยอมรับกระทำตามการตัดสินใจใด ๆ ของสหประชาชาติอย่างไม่มีเงื่อนไข พวกเราเชื่อว่าสหประชาชาติสามารถมองพวกเราได้อย่างถูกต้องและเป็นกลาง
10. การจัดตำแหน่งกลุ่มและข้อเรียกร้อง
นายเสอจื้อเจียงเป็นเพียงผู้รับผิดชอบบริษัทจำกัดหนึ่งที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทดังกล่าวดำเนินกิจการงานพัฒนาและก่อสร้าง
พวกเรายอมรับว่าในเมืองนั้นมีพื้นที่สีเทาอยู่ แต่เมืองไหนในโลกบ้างที่ไม่มีพื้นที่สีเทากันเล่า
ทว่า องค์กรของพวกเราไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย มีเพียงศักยภาพในการพัฒนาและก่อสร้าง
ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงร้องขอให้สหประชาชาติส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามายังเมืองย่าไท่ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงการดำเนินกิจการและการก่อสร้าง ไม่ให้เมืองใหม่นี้ตกเป็นเหยื่อของการแย่งชิงอำนาจระหว่างมหาอำนาจสองประเทศ
ข้อเรียกร้องของนายเสอจื้อเจียงนั้นเรียบง่ายมาก ไม่ใช่เพื่อศักดิ์ศรี ไม่ใช่เพื่อการยกย่อง แต่เพียงเพื่อความยุติธรรมเท่านั้น





























































































