ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการปิดเกม “รับ–แลก–ลวง” สกัดขบวนการโกงสิทธิ์รัฐ รวบร้านค้าทุจริตป่วนโซเชียลหลอกแลกเงินสด สกัดแผนทำลายคนละครึ่งพลัสก่อนระบาดหนัก

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ดังนี้

1.น.ส.วันทนีย์ฯ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6250/2568 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2568
สถานที่จับกุม บริเวณบ้านหลังหนึ่งภายในพื้นที่ ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ

2. น.ส.ทิพย์เทวีฯ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6251/2568 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2568
สถานที่จับกุม บริเวณบ้านหลังหนึ่งภายในพื้นที่ ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

3.น.ส.นาตาชาฯ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6252/2568 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2568
สถานที่จับกุม บริเวณบ้านหลังหนึ่งภายในพื้นที่ ต.เนินกว้าว อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์

ตรวจยึดของกลาง ดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง
2.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวล กฎหมายอาญา, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายต่อการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แก่ประชาชน”

พฤติการณ์ “โครงการคนละครึ่งพลัส” ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล ที่เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ ลดรายจ่ายและภาระค่าครองชีพของประชาชน ทำให้มีเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขาย สินค้าและการให้บริการผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งถือเป็นการยกระดับการค้าและบริการในยุคดิจิทัลอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ที่ฉวยโอกาสกระทำการทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยขน์ โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ เป็นช่องทางในการโฆษณาเชิญชวนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการให้นำวงเงินตามสิทธิมาแลกรับเงินโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของโครงการฯ บิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการหมุนเวียนเงินในระบบฐานราก

จากกรณีดังกล่าว กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จึงได้ติดตามข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ พบว่ามีบุคคลที่โพสต์ข้อความ สาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน Facebook ในลักษณะที่เชิญชวนให้บุคคลทั่วไปมาแลกรับเงินแทนการใช้สิทธิ จ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการตามมูลค่าจริง ซึ่งถือเป็นการชักชวนให้ประชาชนกระทำผิดต่อกฎหมาย รวมถึงขัดต่อหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ บิดเบือนข้อเท็จจริง วัตถุประสงค์ และเงื่อนไขของ โครงการฯแสดงให้เห็นถึงเจตนาทุจริต

และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชนทั่วไปว่าสามารถ นำวงเงินที่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ แลกรับเป็นเงินสดกับร้านค้าโดยไม่จำต้องมีการใช้จ่าย หรือซื้อสินค้า ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อความอันเป็นเท็จ ทั้งสิ้น ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ ในภาพรวม ตลอดจนไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดเป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ สศค. จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำความผิดดังกล่าว

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงได้ดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบเพื่อป้องปรามและสกัดกั้นผู้ที่พยายาม บิดเบือนและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จนรู้ตัวผู้กระทำความผิดซึ่งใช้ช่องทาง สื่อสังคมออนไลน์ บิดเบือนความเป็นจริงเกี่ยวกับโครงการฯ โฆษณาเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิตามโครงการฯ เข้าร่วมแลกวงเงินตามสิทธิ เป็นเงินสดแทนการใช้จ่ายจริง โดยมีการหักส่วนต่างและแบ่งผลประโยชน์กัน

จากการรวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิดผลการตรวจค้นจับกุม พบตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ จำนวน 3 รายดังกล่าวพร้อมด้วยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิด อาทิเช่น ได้แก่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งใช้ในการติดตั้ง แอปพลิเคชัน“เป๋าตัง” ซึ่งมีการลงทะเบียนร้านค้าหรือใช้ในการติดต่อสื่อสาร กับบุคคลที่มาใช้บริการ แลกเงินทางช่องทางต่าง ๆ ตลอดจนเอกสารสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดอีกหลายรายการ จากนั้น จึงได้นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ ดังกล่าวจริง โดย น.ส.วันทนีย์ฯได้ให้การรับสารภาพ เนื่องจากเห็นข้อมูลจากสื่อโซเชียลเลยต้องการหารายได้พิเศษ ส่วนผู้ต้องหารายอื่นให้การปฏิเสธ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน เนื่องด้วย “โครงการคนละครึ่งพลัส” มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ตลอดจนส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าและให้บริการ

โปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนให้แลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสด เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)

ทั้งนี้หากมีการแลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสดเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นความผิดทางอาญา ฐานร่วมกันฉ้อโกงทั้งผู้แลกและผู้รับแลก (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ตลอดจนถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล รวมถึงต้องคืนเงินให้แก่รัฐบาล อีกด้วย ดังนั้น อย่าตกเป็นเหยื่อหรือผู้ร่วมกระทำผิดเพียงเพราะความโลภ ในเงินส่วนต่างเพียงเล็กน้อย และโปรดใช้สิทธิตามเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของรัฐบาลเท่านั้น

ทั้งนี้ หากท่านมีข้อสงสัยถึงการดำเนินการหรือเงื่อนไขการใช้สิทธิ หรือต้องการแจ้งเบาะแส ตามโครงการคนละครึ่งพลัส โปรดติดตามรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ www.คนละครึ่งพลัส.com