
“โค้งสุดท้ายปี’ 68” รากหญ้า 2 เด้ง “คนละครึ่งพลัส-เลือกตั้ง อบต.” เงินหมุน 3 เท่านับแสนล้าน ส่งผลเศรษฐกิจไทย ไม่นิ่งมีการขับเคลื่อนให้หมุนเวียนกระเตื้องขึ้นอีกระลอกในไตรมาสแรกปี’ 69
หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีความเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2568 ที่ผ่านมา ในแผนจัดการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จากกรณีที่ได้ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตั้งแต่นายกและสมาชิก อบต.โดยทาง กกต.กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ ที่ 11 มกราคม 2569 และได้กำหนดวันเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค.68 และวันที่ 12 ธันวาคม จะมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง
สำหรับข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 28 มีนาคม 2568 มี อบต.จำนวน 5,293 แห่งทั่วประเทศ เทศบาลทั่วประเทศ จำนวน 2,414 แห่ง รวมทั้งเทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร
ทางนายสมโชค สมันนุ้ย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) แม่ขรี ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า การเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบต.ผ่านมา 4-5 สมัยก่อนั้น การแข่งขันเป็นไปโดยไม่มีเงินทุนจากภายนอกและข้างบนไหลเข้ามาในพื้นที่ ต่างกับหลายสมัยที่ผ่านมามีทุนจากภายนอกและข้างบนไหลหมุนเข้ามาพื้นที่และได้ลงสู่ฐานระดับล่าง และยิ่งขยายเติบโตขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ไม่ต่างกันกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“เช่นเดียวกันในการเลือกตั้ง อบต.ที่จะถึงในเดือนธันวาคม 2568 – มกราคม 2569 ก็จะมีทุนจากภายนอกฐานข้างบนจะไหลหมุนเข้าสู่ฐานระดับล่างพื้นที่แต่ละพื้นที่ 15 ล้านบาท และ ฯลฯ โดยเฉลี่ยกลาง ๆ
“จากการไหลหมุนเวียนของทุนจากภายนอกและฐานบนเข้าสู่ฐานระดับล่างโดยเฉพาะรากหญ้า จะส่งผลดีเชิงบวกต่อประชาชนธุรกิจร้านค้าได้กระเตื้องขึ้นในระดับหนึ่งและระยะหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มร้านค้าในบางจุดจะกระเตื้องขึ้นถึง 30-40 % โดยประมาณ”
แหล่งข่าวจากสมาชิกสภาเทศบาลตำบลในพื้นที่ จ.พัทลุง กล่าวว่า การเลือกตั้ง อบต.การรณรงค์การเลือกตั้งจะต้องมีทุนเป็นค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เสื้อผู้สมัคร เสื้อทีม แรงงาน ป้าย เวที เต้นท์ เก้าอี้ เครื่องเสียง น้ำมันรถ ฯลฯ และเมื่อสมัยที่ผ่านมามี อบต.บางพื้นที่การบริหารจัดการการในฤดูกาล มีทุนจากข้างบนเข้าสู่พื้นที่ฐานระดับล่างทั้ง 2 ฝั่ง บางฝั่ง 7 ล้านบาท และบางฝั่ง 10 ล้านบาท ภาพรวมประมาณ 17 ล้านบาท
“ภาพรวมใกล้จะถึงครั้งนี้จะมีการไหลจากภายนอกฐานบนเข้าสู่ฐานล่าง เฉลี่ยกลาง ๆ ประมาณ 79,000 ล้านบาท”
สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง กล่าวว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้ง เศรษฐกิจจะไหลจากฐานบนเข้าสู่ฐานล่าง
“หรือที่เรียกันว่าคว่ำแบบพีระมิดพลิก จากฐานยอดสู่ฐานล่าง จะเป็นการกระจายรายได้จากฐานบนเข้าสู่ฐานล่างการไหลหมุนเวียนจากภายนอกและฐานบนกระจายสู่ฐานล่างรากหญ้า จะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจการค้าที่ดีในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึงเป็นการต้อนรับปีใหม่ 2569 ส่งท้ายปีเก่า 2568”
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า และถัดไประยะหนึ่งจะมีการยุบสภาตามกรอบเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2569 เพื่อเลือกตั้งทั่วประเทศ คาดการณ์ประมาณเดือนมีนาคม 2569 ซึ่งในฤดูการเลือกตั้งจะการบริหารจัดการการณรงค์เสียงเลือกตั้งใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ป้าย ไวนิล โบรชัวร์ เสื้อพรรค รถ เครื่องเสียง เวที น้ำมัน อาหาร แรงงาน ฯลฯ ซึ่งเศรษฐกิจจากฐานบนและบ้านใหญ่จะหมุนไหลเข้าระดับล่างขนานใหญ่เช่นกัน
“สมัยที่ผ่านมามีการบริหารจัดการจากฐานบนกระจายสู่ฐานล่างระดับรากหญ้าทั้ง 2 ฝั่ง ภาพรวมแต่ละพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาทโดยเฉลี่ย ภาพรวมทั้งประเทศจะส่งผลบวกเกิดการสร้างงาน จ้างงาน แรงงาน ส่งผลเศรษฐกิจการค้าโดยภาพรวมประมาณ 48,000 ล้านบาท
นายกิตติพิชญ์ กลับคุณ ประธานหอการค้าจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า นโยบายของรัฐบาลที่เป็นโครงการเยียวยา ฯลฯ ตามความเหมาะสมของระยะเวลาเศรษฐกิจที่อ่อนตัวเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้นิ่งจะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เช่น อย่างโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นต้น ที่ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท เมื่อได้รับเงินประชาชนจะได้นำไปเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องสินค้าบริโภคอุปโภค หรือเรื่องมีประเภทเก็บออม หรือมีประเภทนำไปชำระหนี้
“หากนำไปใช้จ่ายในสินค้าบริโภคอุปโภค เงินก็จะหมุนเวียนสะพัดเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า แต่หากประเภทนำไปเก็บออม หรือประเภทนำไปชำระหนี้สิน เงินจะไหลหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 เท่า”