จากสถานการณ์การปะทะกันตามแนวชายแดนของทหารไทย-กัมพูชาในช่วงวันที่ 24 ก.ค.-28 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ต้องอพยพหนีกระสุนปืนใหญ่ไปอยู่ตามศูนย์พักพิงต่างๆเพื่อความปลอดภัย กว่าเหตุการณ์จะสงบและทางราชการจะอนุญาตให้กลับเข้าพื้นที่ได้ก็ใช้ระยะเวลานานถึง 15 วัน ทำให้เกษตรกรที่ปลูกพืชผักไว้ซึ่งกำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิต เสียหายอย่างมากมาย เช่น สวนแตงโม สวนฟักทอง สวนถั่วฝักยาว สวนพริก

นางสาวอาทิตยา มั่งคั่ง อายุ 40 ปี ชาวบ้านศรีสวาย ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เกษตรกรผู้ปลูกพริกเป็นอาชีพหลัก เล่าว่า พริกแปลงนี้พื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน โดยปกติตนจะปลูกพริกเป็นรุ่นๆหมุนเวียนกันไป พอแปลงนี้เริ่มวายแปลงต่อไปก็จะให้ผลผลิตพอดี ทำให้มีพริกเก็บขายตลอดทั้งปี โดยแต่ละรุ่นจะใช้เนื้อที่ปลูกประมาณ 1 ไร่ หรือ1 ไร่กว่าๆ แต่โชคร้ายพริกแปลงที่เห็นนี้กำลังจะเก็บขายได้เพียง 3 รอบ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ก็เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเสียก่อน ทำให้ต้องอพยพหนีตายไปอยู่ศูนย์พักพิง กว่าจะได้กลับมาก็วันที่ 8 ส.ค.68

ทำให้พริกขาดการดูแลแห้งตายหมดทั้งแปลงตามที่เห็น ซึ่งปกติพริกแปลงนี้จะเก็บขายได้ประมาณ 5 เดือน ผลผลิตเก็บไปเรื่อยๆจนพริกวายก็จะอยู่ที่ประมาณ 5 ตัน ราคาก็ตามจังหวะท้องตลาดไม่แน่นอน แต่ช่วงนี้ราคาอยู่ที่ 50 บาท/กก. หรือตันละ 50,000 บาท หลังจากกลับมาเห็นสภาพแปลงพริกก็รู้สึกเสียดาย ยังขายไม่ได้ทุนคืนเลย จะปลูกใหม่ต้นกล้าพริกที่เพาะไว้ก็ตายหมดแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ชายแดนก็ยังไม่แน่นอน คงต้องพักไปก่อน ส่วนการเยียวยาก็ยังไม่มีหน่วยงานใหนเข้ามาสำรวจอะไรเลย