แม่บ้านหัวใสวัย 46 ปี ชาวตำบลปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เริ่มจากการเพาะเลี้ยงด้วงสาคูขาย ต่อมามีการต่อยอดเพาะพ่อแม่พันธุ์ในกะละมัง โดยวางเรียงซ้อนกันแบบคอนโด ทำประหยัดพื้นที่ ขายสร้างรายได้ 2 ทาง จนได้กำไรงามสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 บาทหรือกว่า 100,000 บาทต่อเดือน  และเป็นฟาร์มเพาะพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูที่ใหญ่ที่สุดใน จ.ตรัง

ฟาร์มเพาะเลี้ยงด้วงสาคู หมู่ที่ 5 ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง น.ส.ลัดดาวัลย์ หรือเทศ อายุ 46 ปี ผันตัวจากเกษตรกรชาวสวนยางพารา หันมาเพาะพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูหรือแมงหวัง (ตัวด้วงสาคูที่โตเต็มวัย) จนกลายเป็นฟาร์มเพาะพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูแบบคอนโดในกะละมังรายใหญ่ที่สุดใน จ.ตรัง โดยมีทั้งหมดกว่า 1,000 กะละมัง ขายตัวละ 4-5 บาทหรือคู่ละ 8-10 บาท แต่ละสัปดาห์จะส่งพ่อแม่พันธุ์หรือแมงหวังขายได้ 4,000-5,000 คู่หรือกว่า 10,000 ตัว สร้างรายได้ 20,000-30,000 บาทต่อสัปดาห์ หรือกว่า 100,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว

น.ส.ลัดดาวัลย์ เกษตรกรเจ้าของฟาร์มเพาะพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูรายใหญ่ใน จ.ตรัง เล่าว่า เมื่อว่างจากการกรีดยางพาราจึงคิดหารายได้เสริม เนื่องจากมีภาระครอบครัวและส่งลูกเรียนหนังสือ ต่อมาได้เห็นคนรู้จักเลี้ยงด้วงสาคูขาย โดยมีขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ใช้พื้นที่น้อย จึงศึกษาค้นคว้าเรื่อยมา จนกระทั่งมาเริ่มทดลองเลี้ยงด้วงสาคู 10 กะละมังแรก เมื่อขายดีจึงขยายออกเป็น 20-30 กะละมัง แต่ติดปัญหาที่ต้องซื้อพ่อแม่พันธุ์ในราคาแพง จึงคิดทำพ่อแม่พันธุ์เอง โดยปล่อยให้ตัวด้วงมีอายุประมาณ 40-45 วัน ก็จะได้พ่อแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์

จากนั้น จึงคัดแยกเพศ ซึ่งตัวผู้จะมีหนวด งวงสั้น ตัวเมียงวงเรียงยาว ไม่มีหนวด โดยการนำตัวผู้ 2 ตัวต่อตัวเมีย 4 ตัวให้อยู่กะละมังเดียวกัน ให้อาหารประเภทรำข้าว กากน้ำตาล อาหารหมูและแป้งสาคูที่ได้จากต้นสาคูหรือกากมะพร้าวสับ ผสมกับน้ำเปล่าจนชุ่มชื้น ปิดฝากะละมัง ปล่อยทิ้งไว้จนวางไข่โดยใช้เวลา 10 วัน และกลายเป็นตัวด้วงพร้อมขายใช้เวลา 30-35 วัน ราคากิโลละ 200 บาท หากทิ้งไว้จนครบ 45 วันก็จะกลายเป็นพ่อแม่พันธุ์พร้อมบรรจุขวดน้ำพลาสติกขาย โดย 1 ขวดจะมี 100 ตัวเป็นตัวผู้ 20 ตัวและตัวเมีย 80 ตัว

น.ส.ลัดดาวัลย์ เล่าต่ออีกว่า พ่อแม่พันธุ์จะจำหน่ายอยู่ที่คู่ละ 10 บาท ไซส์รองลงมาขายคู่ละ 8 บาทมี 2 ราคา แต่ละสัปดาห์จะได้ 4,000-5,000 คู่ต่อสัปดาห์ รายได้ 20,000-30,000 บาท ลูกค้าส่วนมากเป็นเจ้าประจำและเจ้าใหม่ที่มีการบอกต่อกันมา ส่งไกลที่สุดคือเชียงราย และทั่วประเทศ ผลตอบรับดีมาก เป็นอาชีพที่สร้างอาชีพให้กับเราได้ ไม่ว่าฝนตกแดดออกก็เลี้ยงได้ เป็นงานที่อยู่กับบ้าน เป็นอาชีพอิสระ

ซึ่งมีตลาดออนไลน์ส่งขายทั่วประเทศ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากภาคอีสาน ทำให้ตอนนี้กลายเป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัว โดยมีเกษตรกรจากหลายจังหวัดเดินทางมาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ด้วงสาคูที่เคยถูกมองว่าเป็นแมลงศัตรูพืชในตระกูลปาล์ม เช่น ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว ต้นลาน ต้นสาคู  กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ให้โปรตีนสูง สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู แต่เกษตรกรเลือกที่จะเพาะพ่อแม่พันธุ์ขายเป็นหลัก เพราะสร้างรายได้ดีกว่า และทำขายได้ตลอดทั้งปี ไม่เสี่ยงต่อฝนฟ้าอากาศเหมือนพืชหรือสัตว์เศรษฐกิจชนิดอื่น

ส่วนใครสนใจติดต่อได้ทางเฟสบุ๊ก ฟาร์มด้วงลัดดา (ลัดดาวัลย์ ชนะศรี) และที่หมายเลขโทรศัพท์ 087-4685684