

เปิด “บทวิจัยคลองไทย” กระหึ่มโลก ไทยสู่ระดับโลกอภิมหาโปรเจ็กต์ “ไทยเปลี่ยน” ไม่สิ้นหวังหลุดพ้นความยากจน ประชาชนในพื้นที่สนับสนุนเต็มพิกัด สมาคมคลองไทย ชี้ คลองไทย คือ “คลองสันติภาพ” สร้างงาน สร้างประเทศไทย หลุดพ้นความยากจน หลุดหนี้ เสนอนายกรัฐมนตรี เร่งพิจารณาตั้งคณะกรรมการแห่งชาติคลองไทย ระบุ เสนอหุ้นคนไทย 51 % ต่างประเทศ 49 % เชิญชาติมหาอำนาจร่วมหุ้น จีน รัสเซีย สหรัฐ อินเดีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับ ซาอุดีอารเบีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ร่วม เสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาไทย เร่งด่วน
นายณรงค์ ซุ้มทอง ประธานอำนวยการศึกษาความเป็นไปได้คลองไทยเชื่อมทะเลอ่าวไทย-ทะเลอันดามัน 5 จังหวัดภาคใต้ จ.พัทลุง สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช ตรัง และ จ.กระบี่ เปิดเผยว่า นายกสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา มี พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป นายกสมาคมคลองไทย ซึ่งทางสมาคมคลองไทยได้ยื่นหนังสือถึง ฯพณฯ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ ต.ทะเลน้อย อ.ควนขุน จ.พัทลุง ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 คราวมาตรวจราชการที่ทะเลน้อยที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการคลองไทยแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทำการศึกษาเพิ่มเติมจากที่เคยดำเนินการศึกษามาแล้ว ถึงการลงทุน การคุ้มทุน และการขุดคลองไทย ฯลฯ
สำหรับคลองไทยเชื่อมระหว่างทะเลอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน เขตแนวคลอง 9 A ระยะยาว 135 กม. ความกว้าง 300-400 เมตร และความลึก 15-18 เมตร โดยต้นทางที่ทะเลอ่าวไทย บ้านท่าบอน อ.ระโนด จ.สงขลา ปลายทางที่พอร์ทท่าเรืออ่าวลึก อ.อ่าวลึก จ.กระบี
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า คลองไทยมีเป้าหมายคือคลองสันติภาพจะมีมิตรทั่วโลก จะมีการเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนถือหุ้น โดยไทยถือหุ้น 51 % ต่างประเทศถือหุ้น 49 % โดยมีประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี และรวมถึงประเทศมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย อังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดีย สหรัฐอาหรับอามิเรสต์ ซาอุดีอารเบีย ฯลฯ
“ทั้งนี้เป้าหมายเป็นการประสานผลประโยนช์ คลองไทยคือคลองสันติภาพ มีแต่มิตรร่วมกันทุกฝ่าย”
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า คลองไทย เป็นอภิมหาโปรเจ็กต์ เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางทะเลสำคัญของโลก จะสร้างงานสร้างเงินให้กับประชาชนและประเทศ และประเทศหุ้นส่วนทั่วโลก และคลองไทย จะเกิดกิจกรรมงานขยายมากมาย ตลอดจนถึงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของโลก นอกจากจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์โลกแล้วในพื้นที่บริเวณคลองไทย โดยเฉพาะ จ.พัทลุง จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และเป็นแหล่งแวะจอดเรือยอร์ช เรือสำราญ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาตินิเวศ เขา ป่า นา เล และที่ตั้งมหาวิทยาลัยทักษิณ จะเป็นมหาวิทยาเทคโนโลยี่ขั้นสูงที่จะเป็นอู่ต่อเรือ อู่ซ่อมเรือของโลกอีกด้วย
ส่วนฝั่งอันดามันก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและที่จอดแวะพักเรือสำราญ เรือยอร์ช นอกจะเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางเรือกว่า 300,000 ล้านตัน / ปี และยังมีการขยายผลที่ต่อเนื่องอีกปริมาณมาก ในขณะเดียวกันยังมีนโยบายเปิดโอกาสให้กับบุตรหลานประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ปัตตานี ยะล และ จ.นราธิวาส หากเมื่อเป็นผู้มีคุณวุฒิทางการศึกษาจะให้เข้ามาทำงานและผู้บริหารโครงการคลองไทยอีกด้วย
“คลองไทยที่สมาคมคลองไทย ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ตั้งคณะกรรมการแห่งชาติคลองไทย เพื่อให้มีการทำศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติม จากที่มีการศึกษามาก่อนแล้ว โดยเอกสารการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร”
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า โดยการศึกษาใหม่ความเป็นไปได้คลองไทย จะใช้เวลาประมาณ 3 ปี ในการศึกาเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลมี่อย่างรอบด้านครอบคลุม เพื่อนำมาพิจารณาตัดสินขุดคลองไทย
“หวังว่านายกรัฐมนตรี จะเร่งรีบพิจารณาจัดตั้งได้โดยเร็ว และหากได้ขุดคลองไทย ไทยจะหลุดพ้นจากเป็นความยากจน หนี้สินประเทศไทยที่ก่อไว้จะหลุดพ้นหมดในระยะอันใกล้”
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า จากศึกษาเพิ่มเติมใช้เวลาประมาณ 3 ปี หากมีมติลงทุนขุดก็จะใช้เวลาขุดประมาณ 5 ปี โดยเฉพาะหากประเทศจีนจะเป็นผู้ขุด หรือประเทศใดที่เสนอเข้ามา
นอกนั้นแล้วยังมีแนวทางที่จะหารือกับนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมภาคใต้แห่งประเทศไทย (สนต.) เพื่อพิจารณจัดชุดนักข่าวเดินทางสำรวจศึกษเส้นทางคลองไทยแนว 9 A ระหว่าง จ.สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช ตรัง และ จ.กระบี่ พร้อมกับแนวทางที่จะมีการเชิญนักข่าวต่างประเทศร่วมด้วย.
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยว่า คณะวิจัยโครงการขุดคลองไทย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ประกอบด้วย น.ส.ก่อแก้ว จันทร์กิ่งทอง น.ส.ชุติมา หวังเบ็ญหมัด นายมณีรัตน์ รัตนพันธ์ และนายสิงหนาท เอียดจุ้ย ได้ทำการวิจัยเพื่อศึกษาความเป็นไปได้โครงการขุดการขุดคลองไทย
ซึ่งประกอบด้วยเส้นทางคลองไทย 4 เส้นทาง คือเส้นทางแนว 9 A แนว 7 A แนว 5 A และแนว 2 A มีประชาชนใน 8 จังหวัดคือ จ.ชุมพร ระนอง กระบี่ พัทลุง สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช และ จ.สตูล จำนวน 1,600 คน
ทั้งนี้มีเห็นด้วยกับเส้นทางคลองไทย แนว 9 A เป็นส่วนใหญ่ และอีกเส้นทาง 3 เส้นทางยังไม่แน่ใจกับไม่เห็นด้วย
เส้นทางคลองไทย แนว 9 A กระกอบด้วย จ.กระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา เมื่อได้บทสรุปงานวิจัย จึงได้มีการนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.) ที่ผ่านมา
สำหรับรายงานบทวิจัยศึกษาคสวามเป็นไปได้ในการดำเนินการขุดคลองไทย เมื่อหากขุดสำเร็จ จะเกิดประโยชย์อย่างมหาศาลเพราะเป็นอภิมหาโปรเจ็กต์ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมการเมือง ความมั่นคง และเทคโนโลยี
“โครกงารขุดคลองไทยจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมามีบทบาทเศรษฐกิจสำคัญระดับโลก และจะเป็นเส้นทางเดินเรือสากลใหม่ของโลก จะพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของภาคใต้โดยตรง อันจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน จะได้ลดปัญหาคนตกงานและแก้จะได้ไขปัญหาความยากจนของประเทศ”
บทวิจัย ยังระบุต่อว่า เมื่อฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมดี ก็จะส่งผลให้ความมั่นคงของประเทศเพิ่มสูงมาก
สำหรับการขุดคลองไทย บทวิจัยรายงงานว่า เหตุผลสำคัญเพื่อจะเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ และเป็นทางเลือกในการขนส่งทางเรือให้กับไทยและนานาชาติด้วย ทั้งนี้การขนส่งทางเรือในโลก 1 ใน 3 oyho0tต้องผ่านช่องแคบมะลา และปัจจุบันช่องแคบมะละกา ต่างมีเรือค้าสินค้าผ่านถึงประมาณ 80,000 ลำ / ปี คิดเป็น 6.6 นาทีต่อลำ
และในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะไม่สามารรองรับเพิ่มขึ้นได้ เพราะจากจำนวนเรือขนาดใหญ่ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ที่ความลึกของช่องแคบมะละกา จะเป็นอุปสรรคกับเรือขนาดใหญ่ในที่สุด
ผลกระทบกับโครงการขุดคลองไทย
บทวิจัย ยังได้รายงานถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อผลกระทบในการดำเนินการโครงการขุดคลองไทย ทั้งทางบวกและทางลบ โดยมีกลุ่มตัวอย่างการวิจัยที่มีประชาชนในพื้นที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่อยู่ใน 8 จังหวัด คือ จ.ชุมพร ระนอง กระบี่ พัทลุง สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช และ จ.สตูล จำนวน 1,600 คน ในโครงการขุดคลองไทย
ผลการวิจัย พบว่าประชาชนในแต่ละเส้นทาง 2A 5A 7A และ 9A โดยมีความคิดเห็นในแต่ละด้านจะต่างกัน โดยประชาชนในเส้นทาง 9A เห็นด้วยกับโครงการคลองไทย ในขณะที่ในเส้นทาง 2A และ 7A ต่างยังไม่แน่ใจกับโครงการ และส่วนเส้นทาง 5A ต่างไม่เห็นด้วย
สำหรับเริ่มมีความคิดในเรื่องของการขุดคลองเพื่อเชื่อม ระหว่าง2 ฝั่งทะเลของไทย ระหว่างฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งทะเลอ่าวไทย ซึ่งจากแนวคิดการขุดคลองไทยนี้ที่มีมานานถึง 327 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นต้นมา
โดยเหตุผลหลักที่สำคัญ คือต้องการย่นระยะทางของการเดินเรือของทั้ง 2 ฝั่งทะเล และเพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ โดยที่ผ่านมามีแนวคิดเกี่ยวกับการขุดคอคอดกระในหลายครั้ง นั้น ไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพราะจะมีผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ
แต่มาในปี พ.ศ. 2513 ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ว่าจ้างบริษัท แทมส์ (Tippetts-AbbettMcCarthy-Stratton: TAMS) ให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจโครงการขุดคลองไทย ในเส้นทางต่าง ๆ และได้รายงานผลการศึกษาใน พ.ศ. 2516
ปรากฎว่าพบว่าแนวคลองที่เหมาะสมและเป็นไปได้มากที่สุดคือเส้นทาง 5A ระหว่าง จ.สตูล-สงขลา แต่จากการประเมินความเป็นไปได้ขององค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่ายังไม่คุ้มค่าแนวคิดเกี่ยวกับในเส้นทางการขุดคลองไทยจึงมีการนำเสนอขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง จนได้มีการเสนอแนวคลองที่ควรจะขุด 4 เส้นทาง ที่คาดว่าน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ คือเส้นทางที่ 2A บ้านราชกรูด จ.ระนอง-อลังสวน จ.ชุมพร ความยาวประมาณ 80 กิโลเมตร2 เส้นทาง 5A จ.สตูล -จ. สงขลา ความยาว ประมาณ 102 กิโลเมตร 3 เส้นทาง 7A จ.ตรัง- จ.สงขลา ความยาวประมาณ 110 กิโลเมตร และ 4 เส้นทาง 9 A จ.กระบี่ – ตรัง – พัทลุง – นครศรีธรรมราช – ตอนเหนือ อ.ระโนด จ.สงขลา ความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร
บทวิจัยรายยังงานว่า และในปี พ.ศ. 2544 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความ เป็นไปได้สภาผู้แทนราษฎร (สส.) (กมธ.) ของโครงการทั้ง 4 เส้นทาง เส้นทาง 2A 5A 7A และ 9A โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมีมติเลือกเส้นทาง 9A เป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด
จากการสรุปรายงานความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลองไทยนั้น เมื่อหากดำเนินการเสร็จ จะเป็นประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคง และเทคโนโลยีซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมามีบทบาทเศรษฐกิจที่สำคัญในระดับโลก และเป็นเส้นทางเดินเรือสากลใหม่ของโลกซึ่งจะช่วยพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของภาคใต้โดยตรง อันจะท าให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นไม่ น้อยกว่า 3 ล้านคน ทำให้ลดปัญหาคนตกงานและแก้ไขปัญหาความยากจนเมื่อฐานะทาง เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ความมั่นคงของประเทศเพิ่มสูงมากขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้นการขุดคลองไทยน่าจะเป็นการลดปัญหาอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์แก่ประเทศในทุกด้านที่เห็นได้ชัดได้แก่ การคมนาคม การค้า การเกษตร การอุตสาหกรรม การท่าเรือ การท่องเที่ยว เป็นต้น อันเป็นการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในระยะยาวและตลอดไป
สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจ.สงขลา เกี่ยวกับโครงการขุดคอคอดกระกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ พบว่าประชาชนเห็นว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ทางให้เศรษฐกิจดีขึ้นมากที่สุด รองลงมาคือการคมนาคมขนส่งทางทะเล ใช้ระยะเวลาสั้นลง ได้ประโยชน์จากภาษีเรือผ่านทางคอคอดกระและเกิดพื้นที่ในการท่องเที่ยวใหม่ของประเทศ ร้อยละ 16.05
ผลการศึกษาในอดีต “คลองไทย”ยังไม่มีความเป็นไปได้บทวิจัย ยังได้รายงานต่อว่า ผลการศึกษาการขุดคลองไทยที่ผ่านมาในเชิงวิชาการได้ข้อค้นพบเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นมากมาย และจากการประเมินความเป็นไปได้ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการพิจารณาความเป็นไป ได้ในการขุดคลองไทย มีผลสรุปคือยังไม่มีความเป็นไปได้
หากแต่ในปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปและได้มีการเสนอให้ขุดคลองไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ในการพิจารณาที่จะดำเนินโครงการขนาดใหญ่จำเป็นที่จะต้องศึกษาเชิงลึก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นเส้นทางขุดคลองไทย โดยทำการสำรวจกับประชาชนที่อาศัยในบริเวณเส้นทางเพื่อศึกษาถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ
และจากผลการศึกษาต่าง ๆ ในอดีตจึงทำให้คณะผู้วิจัยสนใจศึกษาผลกระทบในการดำเนินการโครงการขุดคลองไทย วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อผลกระทบทางบวกและทางลบในการโครงการขุดคลองไทย
ทั้งนี้จากประโยชน์ของการวิจัย 1. หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่กำกับดูแลเกี่ยวกับโครงการขุดคลองไทย สามารถนำาผลการวิจัยเพื่อเสนอต่อรัฐบาลในการพิจารณาตัดสินใจ 2. นักวิชาการและนักวิจัยที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับโครงการขุดคลองไทย สามารถนำผลการวิจัยไปต่อยอดการศึกษาในครั้งต่อไป