สสส. หนุนโครงการพัฒนาเครือข่ายดูแลทางสังคมฯ พัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลเทเลแคร์ เติมเต็มความต้องการผู้ป่วยในมิติทางสังคม ปลื้มเกินเป้า เชื่อตอบโจทย์-เชื่อมโยงกับ สปสช.ให้บริการดีขึ้น หวังพัฒนาแพลตฟอร์มขั้นสูง กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. (สำนัก7) กล่าวถึงโครงการพัฒนาและเสริมสมรรถนะกลไกและเครือข่ายการดูแลทางสังคมของสหวิชาชีพ เพื่อสนับสนุนระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ เพื่อขยายผลการทำงานในระดับพื้นที่ของสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ที่ สสส. ให้การสนับสนุน ว่า เป็นโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลเทเลแคร์ที่เป็นประโยชน์ ในการที่จะทำให้สหวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ในบทบาทด้านสุขภาพเชื่อมโยง และเติมเต็มความต้องการของผู้ป่วยในมิติทางสังคม และต้องการสนับสนุนซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวตอบโจทย์และเชื่อมโยงกับ สปสช.ในการให้บริการทางสังคมสงเคราะห์ได้ดีขึ้นและเชื่อมโยงบันทึกข้อมูลที่ชัดเจน

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. (สำนัก7)

ซึ่งผู้บริหารโรงพยาบาลหลายแห่งเห็นความสำคัญ ว่าเมื่อนักสังคมสงเคราะห์ให้บริการแบบนี้ จะเห็นผลงานชัดเจนและสามารถเบิกจ่ายกับ สปสช.ได้ ซึ่ง สสส. อยากเห็นความก้าวหน้าในการที่จะมีนักสังคมสงเคราะห์ในการเข้ามาใช้งานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สสส.อยากเห็นความก้าวหน้าในการที่จะให้นักสังคมสงเคราะห์เข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลสุดท้ายก็จะสะท้อนถึงความต้องการของผู้ป่วย ในมิติทางด้านสาธารณสุขและมิติทางด้านสังคมสงเคราะห์ จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันในการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านศาสตราจารย์ระพีพรรณ คำหอม หัวหน้าโครงการพัฒนาและเสริมสมรรถนะกลไกและเครือข่ายการดูแลทางสังคมของสหวิชาชีพ เพื่อสนับสนุนระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ เพื่อขยายผลการทำงานในระดับพื้นที่ของสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ กล่าวถึงการดำเนินการของโครงการฯ ว่า การทำงานที่ผ่านมามีการตอบรับและบรรลุเกินเป้าหมายที่ คาดหวังไว้ จากเดิม 10 โรงพยาบาลที่ตั้งเป้าไว้ แต่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า ซึ่งหลักสูตรที่ได้รับความสนใจคือการใช้เครื่องมือของนักสังคมสงเคราะห์และที่เห็นภาพชัดเจนคือ การพัฒนาระบบ

ศาสตราจารย์ระพีพรรณ คำหอม หัวหน้าโครงการพัฒนาเครือข่ายการดูแลทางสังคมฯ

ซึ่งมีการเชื่อมโยงผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลเทเลแคร์ในการดูแลผู้ป่วยยาเสพติดและผู้ป่วยจิตเวชโดยมีการเชื่อมต่อข้อมูลกับหน่วยงานในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งจากข้อมูลในปี 2568 มีข้อมูลของนักสังคมสงเคราะห์ที่เข้ามาใช้งาน 432 ราย เพิ่มขึ้นกว่า 63% ในระบบของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมีโรงพยาบาลกว่า 118 โรงพยาบาลเข้ามาร่วม ขณะเดียวกันยังมีทีมสหวิชาชีพในการเข้ามาร่วมบูรณาการซึ่งถือเป็นพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ตอบสนองว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวมีประโยชน์อย่างมาก และได้รับความสนใจทั้งจากนักสังคมสงเคราะห์และสหวิชาชีพรวมทั้งภาคีต่างๆรวมทั้งหน่วยงาน อื่นๆที่เข้ามาเรียนรู้

ทั้งนี้แพลตฟอร์มโซเชียลเทเลแคร์นั้นทำให้นักสังคมสงเคราะห์ได้ ทำงาน ได้ง่ายขึ้นมีการวิเคราะห์ข้อมูลมาประกอบการออกแบบการให้บริการกับผู้ป่วยซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งจากการดำเนินงานดังกล่าวก็มีข้อเสนอในเรื่องของการพัฒนาคนการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรเป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อ รวมทั้งการใช้ AI ในการเข้ามาทำงาน  ขณะเดียวกัน ยังมีข้อเสนอในอนาคตที่จะต้องพัฒนาแพลตฟอร์มขั้นสูง และการบริหารจัดการ Server และการพัฒนาระบบและการเชื่อมโยงข้อมูลผ่าน API ผ่านเครือข่ายข้อมูลและสุขภาพ ซึ่งขณะนี้มีการเชื่อมข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรม

ขณะเดียวกันก็ต้องมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูล เป็นสิ่งที่จำเป็นในการจัดทำ Data catalog เพื่อเชื่อมโยงกับมาตรฐานการให้บริการของสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พร้อมคันนี้จะต้องมีการเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายและให้มาใช้งานมากยิ่งขึ้นและหวังว่าจะมีการผลักดันให้แพลตฟอร์มดังกล่าวเข้าไปในระบบปกติเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน กลุ่มเปราะบางและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ